ทั้งนี้ การกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นการกู้ในประเทศ เพื่อให้องค์กรทางการเงินในประเทศได้รับประโยชน์ดอกเบี้ย 3 ล้านล้านบาท ขณะที่การกู้ในต่างประเทศจะมีสัดส่วนเล็กน้อย ซึ่งไม่มีผลกระทบความมั่งคงทางการคลัง และปัจจุบันหนี้ที่เกิดจากการกู้เงินต่างประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ 3-4% ของ GDP ซึ่งรัฐบาลกำลังเร่งใช้คืนโดยเร็ว
"การที่พูดว่ากู้ 2 ล้านล้าน แต่ที่จริงมีดอกเบี้ย 3 ล้านล้านคงจะจริง เพราะเป็นไปตามระยะเวลา 50 ปีตามสมมติที่ว่า ซึ่งตามที่รัฐบาลยืนยันหลายครั้งว่าสภาพคล่องในประเทศดีมาก การกู้เงินนั้นจะกู้ในประเทศเป็นหลัก การกู้จากต่างประเทศจะทำน้อยมากจริงๆ แต่รัฐบาลเห็นประโยชน์ว่าสภาพคล่องในประเทศมีมาก ดอกเบี้ย 3 ล้านล้านควรตกอยู่ที่คนไทยเกือบทั้งหมด" นายกิตติรัตน์ กล่าว
รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลจะดูแลหนี้สาธารณะไม่ให้เกิน 50% ของ GDP ซึ่งยังน้อยกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังที่กำหนดไว้ 60% ของ GDP พร้อมยืนยันว่าการกู้เงินเพื่อการลงทุนจะมีการดูแลให้ไม่มีการทุจริตคอรัปชั่น และให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์และแผนงานที่รัฐบาลได้กำหนดไว้
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ รมว.คมนาคม ชี้แจงถึงข้อสงสัยกรณีที่รัฐบาลไม่นำเอกชนมาร่วมลงทุนว่า ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นสิ่งที่รัฐจำเป็นต้องลงทุนเอง แต่อาจมีบางโครงการที่สามารถดำเนินการลักษณะการร่วมทุนได้ เช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วง พร้อมปฏิเสธว่ายังไม่มีการลงนามกับบริษัทต่างชาติในโครงการรถไฟความเร็วสูง ซึ่งหากจะมีการร่วมทุนจริงไม่ว่ากับประเทศใดจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบที่สุด
พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลมีความพร้อมในการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงที่จะเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แต่จะสามารถเชื่อมต่อได้เมื่อใดนั้นขึ้นอยู่กับความพร้อมของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว และมาเลเซียด้วย