อย่างไรก็ตาม หลังอภิปรายเสร็จสิ้นจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการฯ ขึ้นมาพิจารณาแปรญัติวาระ 2 จำนวน 36 คน ตามสัดส่วน ครม. 9 คน พรรคประชาธิปัตย์ 11 คน ที่เหลือเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย กับ ส.ส.พรรคอื่น
ทั้งนี้จากการฟังการอภิปรายของพรรคภูมิใจไทยวานนี้มีความเห็นที่สอดคล้องกับรัฐบาล ซึ่งคาดว่าจะทำให้เสียงสนับสนุนในการลงมติจะได้เสียงเพิ่มจากพรรคภูมิใจไทยบางส่วนเป็น 310 เสียงขึ้นไป
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้มีการแก้ไขหรือเพิ่มเติมเอกสารในบัญชีแนบท้าย ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ดำเนินการตามระเบียบพัสดุปี 2553 ทั้งหมด ส่วนข้อกังวลของฝ่ายค้านเกี่ยวกับปัญหาการทุจริตและการเพิ่มภาระหนี้สินให้ประชาชน ประธานวิปรัฐบาล ยืนยันว่า จะมีความโปร่งใส การเบิกจ่ายทุกครั้งต้องผ่านความเห็นชอบจาก ครม.ก่อน
อนึ่ง ค่ำวานนี้ นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)อภิปรายถึงคำท้า 7 ข้อของพรรค ปชป.ที่ได้นำเสนอไปยังรัฐบาล ได้แก่ 1.ถ้าจริงใจต่อโครงการต่างๆ ที่นำเสนอ ขอให้นำทุกโครงการที่อยู่ในบัญชีแนบท้ายเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหากฎหมาย 2.โครงการใดที่เบิกจ่ายล่าช้ากว่ากำหนดขอให้หมดสิทธิ์จากการกู้ยืมจาก พ.ร.บ.ฉบับนี้ 3.โครงการใดที่ยกเลิกไม่ให้โอนเงินไปยังโครงการอื่นๆ ที่ไม่ปรากฎในหนังสือ 4.ให้กำหนดในเนื้อหากฎหมายว่าจะใช้ระเบียบว่าด้วยการพัสดุการจัดซื้อจัดจ้าง และเพิ่มเติมให้บทบาทของภาคีภาคเอกชนต่อต้านคอรัปชั่นมีอย่างแท้จริง
5.กำหนดในกฎหมายว่าหากภาคีภาคประชาชนโดยเฉพาะภาคีต่อต้านคอรัปชั่น เข้าถึงข้อมูลไม่ได้ หรือพบทุจริตในโครงการใดขอให้หมดสิทธิ์กู้ใน พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท ทันที 6.กำหนดเป็นเงื่อนไขในกฎหมายว่าหากงบประมาณขาดดุลมากกว่าที่อ้างไว้ขอให้พ.ร.บ.กู้ 2 ล้านล้านบาทเป็นโมฆะทันที และ 7.หากหนี้สาธารณะของประเทศเกิน 50% ของจีดีพี ให้ พ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นโมฆะทันที