ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า การเริ่มต้นดำเนินการในโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้เงินกู้จำนวนมหาศาล โดยอาจใช้วิธีให้สัมปทาน โดยที่รัฐบาลไม่จำเป็นต้องไปกู้เงินเพื่อให้เป็นหนี้ถึง 50 ปี ทำให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงสงสัยต่อภาระในระยะยาว
"รัฐบาลยังชี้แจงไม่ชัดเจนว่าทำไมต้องกู้และไม่ใช้วิธีอื่น รัฐบาลมีความพยายามที่จะกู้เงินเป็นหลัก ซึ่งฝ่ายค้านเห็นว่าน่าจะมีผลประโยชน์ซ่อนเร้นจากการกู้เงินจำนวนดังกล่าวในครั้งนี้หรือไม่"นายจุรินทร์ กล่าว
อีกทั้งเส้นทางของรถไฟฟ้าความเร็วสูงไม่ได้ตอบโจทย์ประเทศ แต่ตอบโจทย์ทางการเมืองมากกว่า เพราะเส้นทางต่างๆ ไม่ได้เชื่อมภูมิภาค อย่างเช่น เชียงใหม่ นครราชสีมา หนองคาย ส่วนหัวหินก็ไม่สามารถเชื่อมไปประเทศมาเลเซียได้เพราะไม่ได้ไปถึงปาดังเบซาร์
แม้ว่ารัฐบาลตั้งสมมติฐานว่าประเทศไทยมีปัญหาระบบขนส่งสินค้าและมีต้นทุนในการขนส่งสูงมาก จึงมีความจำเป็นต้องลดต้นทุนการขนส่งเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ แต่แทนที่จะเน้นเรื่องการจัดระบบการขนส่งสินค้า เช่น ระบบราง กลับเน้นการขนส่งคนแทน ซึ่งต้องใช้งบประมาณครึ่งหนึ่งของเงินกู้ทั้งหมด หรือ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งหากมีการลงทุนโดยไม่มีการกู้หนี้ยืมสินก็ไม่มีปัญญา แต่โครงการดังกล่าวจะต้องกู้เงินทั้งหมดในวงเงินที่สูง
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่รู้สึกกังวลว่าประชาชนจะเทคะแนนเสียงไปให้พรรคเพื่อไทย เพราะฝ่ายค้านไม่ได้มองเรื่องการเมือง แต่มองผลประโยชน์ในระยะยาวของประเทศ เนื่องจากฝ่ายค้านสนับสนุนรถไฟฟ้าความเร็วสูงอยู่แล้ว แต่ไม่สนับสนุนวิธีการได้มาของโครงการด้วยการกู้เงินทั้งหมด อย่างเช่นสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่มีการเริ่มต้นโดยการเจรจาร่วมมือกับจีน ซึ่งได้ผ่านการเห็นชอบของสภาแล้ว ทำให้ไม่ต้องกู้เงินอย่างเช่นรัฐบาลชุดนี้
ส่วนการประชุมพิจารณาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญที่จะเข้าสภาในวันที่ 1-3 เม.ย.นี้ ตามที่วิปรัฐบาลออกมาระบุว่ามีการตกลงกับวิปทั้ง 3 ฝ่ายแล้วนั้น มีความคลาดเคลื่อน ประเด็นแรกที่ตรงกันคือการขอให้มีการประชุม 3 วัน คือวันที่ 1-3 เม.ย. โดยวันที่ 1 เม.ย. เริ่ม 10.30-22.00 น. วันที่ 2 เม.ย. 9.30 น.-22.00 น. แต่ประเด็นที่ตรงกันคือ การจัดสรรเวลาในการอภิปราย ในส่วนของ ส.ว.จะได้ 8 ชั่วโมง แต่เวลาสำหรับ สส. 26 ชั่วโมงครึ่งนั้น ยังไม่ได้ตกลงกันว่าจะแบ่งเวลากันอย่างไร ซึ่งยังคลาดเคลื่อนอยู่ จึงต้องมีการตกผลึกกันอีกครั้งไม่เช่นนั้นจะไม่เป็นไปตามการอภิปรายตามข้อเท็จจริง