ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่มีใครคิดที่จะล้มล้างรัฐธรรมนูญ เพียงแต่อยากจะแก้ไขให้ชัดเจนโดยเฉพาะมาตรา 68 ที่ยังคลุมเครือ จึงต้องการแบ่งเบาภาระของศาลรัฐธรรมนูญ และไม่ใช่การตัดสิทธิของประชาชน เพราะยังสามารถยื่นเรื่องผ่านอัยการสูงสุดได้ และถ้าปล่อยให้ศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณาทุกเรื่อง คดีต่างๆ ก็จะล่าช้าไปหมด
โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญเคยชี้แนะว่าให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ดังนั้นเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะไม่รับวินิจฉัยเรื่องนี้
"ดังนั้นขอเรียกร้องให้กลุ่ม 40 ส.ว.ไปทำเรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชนดีกว่า ถึงจะมาจากการสรรหาแต่ก็กินภาษีของประชาชนเหมือนกัน อย่าทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ 50" นายพร้อมพงศ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อ้างว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ร่างไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน แต่เพื่อประโยชน์ของนักการเมืองนั้น ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง เพราะมาตรา 237 เรื่องของการยุบพรรค ลงโทษคณะกรรมการบริหารพรรคแบบเหมาเข่งนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เป็นการตัดตอนอำนาจประชาชนที่เลือกนักการเมือง เลือกพรรคการเมือง เมื่อพรรคถูกยุบง่ายประชาชนก็อ่อนแอ นักการเมืองและรัฐบาลก็อ่อนแอ ส่วนมาตรา 190 นั้นเมื่อแก้ไขแล้วจะทำให้รัฐบาลบริหารประเทศได้รวดเร็วขึ้น ติดต่อประสานงานกับต่างประเทศได้ง่าย เป็นประโยชน์กับประชาชน สำหรับการแก้ไขที่มาของส.ว.ให้มาจากการเลือกตั้งนั้น ก็เป็นประโยชน์กับประชาชนเช่นกัน เพราะได้เลือกมาเองกับมือ ย่อมดีกว่าให้คนแค่ไม่กี่คนเลือกมา ดีกว่าให้คน 7 คนตัดสินใจแทนคน 65 ล้านคน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์ของประชาชน และชัดเจนว่าไม่ได้แก้เพื่อประโยชน์ของนักการเมือง