เนื่องจากเป็นกรณีที่ผู้ร้องใช้สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่าผู้ถูกร้อง ซึ่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้ร่วมเข้าชื่อเสนอร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมที่ยกเลิกความในรัฐธรรมนูญมาตรา 68 แล้วเสนอเนื้อหาใหม่ที่เป็นการยกเลิกสิทธิของชนชาวไทยในการใช้สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญด้วยการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรงต่อไป คงเหลือแต่เพียงให้บุคคลผู้ทราบการกระทำเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงเพียงประการเดียว และให้สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญในกรณีที่บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามหมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทยเท่านั้น ไม่อาจใช้สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญให้พ้นจากการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญในลักษณะอื่น อันเป็นการลิดรอนสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญของชนชาวไทย มีมูลกรณีที่ผู้ร้องจะใช้สิทธิยื่นคำร้อง เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบตมาตรา 68 วรรค 2 กรณีจึงต้องด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 วรรค 2 และข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย พ.ศ.2550 ข้อ 17(2) ศาลรัฐธรรมนูญจึงให้รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย
ส่วนคำขอคุ้มครองชั่วคราวในกรณีฉุกเฉินนั้น ยังไม่ปรากฎมูลกรณีอันเป็นเหตุฉุกเฉิน หรือเหตุผลอันสมควรเพียงพอที่จะต้องใช้วิธีการชั่วคราวดังกล่าว จึงให้ยกคำขอ
พร้อมกันนี้ ศาลสั่งให้ผู้ร้องทำสำเนาคำร้องต่อศาล จำนวน 312 ชุด เพื่อส่งให้ผู้ถูกร้อง และให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้ง หากไม่ยื่นภายในกำหนดถือว่าไม่ติดใจ