โดยมีข้อสรุปดังนี้ 1.จัดตั้งกลไกการลงทุนระหว่างประเทศในลักษณะของนิติบุคคลเฉพาะกิจในประเทศไทย ในสัดส่วนการถือหุ้นที่เท่ากันระหว่างไทยและเมียนมาร์ เพื่อเป็นหน่วยธุรกิจที่รับสัมปทานพัฒนาเขตเศรษฐกิจทวาย และทำหน้าที่ระดมทุนมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลัก ได้แก่ ท่าเรือ ถนน นิคมอุตสาหกรรม ไฟฟ้า น้ำ โทรคมนาคม และระบบราง เป็นต้น ซึ่งจะดำเนินภายใต้กฎระเบียบและสิทธิประโยชน์พิเศษ โดยจะเชิญชวนนักลงทุน/กองทุนในต่างประเทศเข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย
2.กรอบความตกลงโครงการ ที่ประชุมเห็นชอบ ให้ยกระดับกรอบความตกลงโครงการ ซึ่งเป็นการลงนามร่วมกันของ Myanmar Port Authority (MPA) กับ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวลล็อปเมนต์ (ITD) ให้เป็นข้อตกลงสัมปทานโครงการ และมอบหมายให้นิติบุคคลเฉพาะกิจเป็นผู้ดำเนินการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาอืสระ เพื่อตรวจสอบสถานะการเงินการลงทุนของโครงการต่างๆที่บมจ.อิตาเลียนไทยได้ดำเนินการไปแล้ว และให้นิติบุคคลเฉพาะกิจเป็นผู้ชำระคืนค่าลงทุนแก่บมจ.อิตาเลียนไทย ส่วนการลงทุนในโครงการต่างๆ เช่น ท่าเรือ ถนน นิคมอุตสาหกรรม ฯลฯ จะอยู่ภายใต้กรอบเงื่อนไขของ Sectoral Agreement ของแต่ละโครงการ ซึ่งเป็นข้อตกลงที่จัดทำขึ้นระหว่างนิติบุคคลเฉพาะกิจ และคณะกรรมการบริหารเพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย โดยนิติบุคคลเฉพาะกิจจะเป็นผู้ที่มอบหมายให้ SPC (Special Purpose Conpany) เป็นผู้ลงทุน โดยต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายด้วย ทั้งนี้รัฐบาลเมียนมาร์รับที่จะให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจทวาย
3.ที่ประชุมได้ตกลงที่จะมีหนังสือเชิญประเทศญี่ปุ่นเข้าเป็นหุ้นส่วนการลงทุนในโครงการทวาย และเปิดโอกาสให้นักลงทุนประเทศอื่นๆที่มีความสนใจสามารถเข้าร่วมโครงการได้ในระยะต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ตกลงร่วมกันโดยกำหนดให้มีคณะทำงานฝ่ายไทยและเมียนมาร์ เพื่อร่วมกันวิเคราะห์ผลตอบแทนทางการเงินของโครงการในภาพรวมและรายโครงการ รวมทั้งจัดทำเงื่อนไขของธุรกิจบนหลักการที่ทำให้โครงการมีผลตอบแทนที่คุ้มค่า สามารถระดมทุนจากสถาบันการเงินได้ เป็นธุรกิจที่แข่งขันได้ในระดับภูมิภาคและมีความยั่งยืนต่อไป