2.ทบทวนการกู้เงิน จำนวน 2 ล้านล้านบาท ซึ่งทำให้ประเทศมีภาระหนี้อีก 50ปี ทั้งที่สามารถดำเนินการได้ภายใต้การจัดทำงบประมาณปกติ
3.ทบทวนแนวทางการแก้ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมีการเจรจากับกลุ่มผู้ก่อเหตุ เพราะการเจรจาที่เป็นอยู่ไม่ได้เป็นแนวทางที่จะนำไปสู่สันติสุขในระยะสั้น กลาง และยาว
อีกทั้งสิ่งที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่พูดจากลับไปกลับมาว่าจะมีการเลื่อนการเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็นออกไป เพราะติดการเลือกตั้งของมาเลเซีย แต่เมื่อถูกโจมตีว่าการเลือกตั้งกับมาเลเซียไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของไทย ก็กลับคำพูดว่าสามารถเจรจาต่อได้ ทั้งนี้ พฤติกรรมดังกล่าวยิ่งสร้างความสับสนและความไม่มั่นใจ ความไม่เชื่อมั่นให้กับการทำงานของภาครัฐ ดังนั้น จึงอยากให้นายกฯทบทวนแนวทางการทำงาน โดยหากยังใช้การตลาด มาแก้ปัญหาอยู่ ชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่จะถูกสังเวยอีกจำนวนมาก
4.ทบทวนกรณีปราสาทพระวิหาร ที่จะมีการพิจารณาคดีรอบที่ 2 ในวันที่ 15 เม.ย.นี้ โดยพรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้องให้คนไทยทุกคนรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน และให้กำลังใจทีมทนายความ ทั้งนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราจะร่วมกันหาทางออกเพื่อไม่ให้ไทยตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบต่อไป