ทั้งนี้รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาว่า ในพื้นที่ต้องใช้การพูดคุยอย่างสันติ ลดความหวาดระแวง และสร้างความเข้าใจกับประชาชน ซึ่งการเดินหน้าเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็นในขณะนี้ถือว่ามาถูกทาง แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์แต่ทางการมาเลเชียรับประกันว่า บุคคลที่มาเจรจามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการบีอาร์เอ็น
พร้อมกันนี้รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า จากการลงพื้นที่ได้พูดคุยกับประชาชน โดยขอให้ประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมเกี่ยวกับหมายจับมาลงชื่อที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนของศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) เพื่อรวบรวม ตรวจสอบและแก้ปัญหาให้ได้รับความเป็นธรรม ขณะเดียวกันพบว่าประชาชนมีความหวาดระแวงการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงได้มีการทำความเข้าใจ และย้ำว่า หากพื้นที่ไหนสถานการณ์ดีขึ้นก็อาจพิจารณายกเลิก
นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงเดือนเมษายนซึ่งเป็นวันครอบรอบเหตุการณ์กรือเซะ โดยระบุว่า เจ้าหน้าที่มีความเข้มงวดอยู่แล้ว โดยเชื่อว่าช่วงดังกล่าวจะไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น และไม่อยากให้คิดเรื่องเก่า วันนี้ควรเริ่มต้นใหม่ เรียกร้องความเป็นธรรมในรูปแบบอื่น
รองนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่ปรากฏชื่อตัวเองติดอันดับแรกที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับนางสาวยิ่งลักษณ์ว่า ทุกตำแหน่งสามารถรับทำหน้าที่ได้หมด แต่ไม่ขอรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะไม่มีความรู้ความสามารถ