"เรื่องนี้ไม่มีมูลความจริงเลย ไม่น่าเชื่อว่านายชวนนท์ จะเลอะเทอะถึงขนาดนั้น เพราะไม่มีตอนใดที่มีการพูดเช่นนั้น ทุกคนรู้ว่าแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ไม่ถูกต้องและทำให้ไทยแพ้คดีในศาลโลก สมัยที่ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไปว่าความเมื่อ 51 ปีที่แล้ว ดังนั้นคงไม่มีรัฐบาลชุดใดไปยอมรับแผนที่นี้แน่ และข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศหรือกองทัพจะไปยอมให้ทำเช่นนั้นได้อย่างไร แค่คิดก็ผิดแล้ว กรณีนี้นาย ชวนนท์ อ้างว่าเป็นคำพูดของทนายความกัมพูชาทั้งๆ ที่ ไม่มีตรงไหนที่ทนายความกัมพูชาพูดว่ารัฐบาลไทยรักไทยหรือพลังประชาชนยอมรับแผนที่ฉบับดังกล่าว" นายนพดล กล่าว
พร้อมระบุว่า ขอเรียนพี่น้องคนไทยให้ทราบความจริงว่า แถลงการณ์ร่วมสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ที่นาย ชวนนท์ กล่าวพาดพิงนั้น รัฐบาลในอดีตทำเพื่อปกป้องพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร ซึ่งทีมกฎหมายไทยชุดปัจจุบัน ทั้งนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ และศาสตราจารย์ เปลเล่ต์ หนึ่งในทีมทนายความฝ่ายไทยก็ได้แถลงว่าในปี 2550 กัมพูชานำทั้งตัวปราสาทและพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรไปขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก แต่ไทยคัดค้าน จนทำให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้เฉพาะส่วนที่เป็นตัวปราสาทเท่านั้น แต่ไม่รวมพื้นที่ทับซ้อน
"รัฐบาลสมัคร ได้ปกป้องดินแดนพื้นที่ทับซ้อนไว้ และนี่คือแนวทางของคำแถลงการณ์ร่วม ซึ่งทีมกฎหมายไทยชุดปัจจุบันก็เห็นว่าเป็นประโยชน์ในการต่อสู้คดี แปลกใจที่ทำไมพรรคประชาธิปัตย์ถึงไม่เอาเรื่องนี้มาพูดบ้าง แต่พอทนายกัมพูชาใส่ร้ายรัฐบาลไทยในอดีตที่เป็นฝ่ายตรงข้าม กลับนำเรื่องนี้มาดิสเครดิตกัน" นายนพดล กล่าว