"ผมอ่านแล้วสลดใจในความเท็จที่สื่อนี้ขยันเขียน ขอเรียนว่าเป็นความเท็จครับ คำแถลงการณ์ร่วมทำขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้กัมพูชาได้พื้นที่ทับซ้อน4.6 ตารางกิโลเมตรไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกครับ ไม่ใช่เป็นการยอมให้เขาได้พื้นที่ไป นี่คือข้อเท็จจริงครับ" นายนพดล ระบุ
หากกัมพูชาได้พื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกตามคำแถลงการณ์ร่วมฯ ดังกล่าวแล้วจะมายื่นตีความต่อศาลโลกเพื่อให้ได้พื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตรไปเพื่ออะไร
"ทุกคนเห็นตรงกันว่ากัมพูชาต้องการเอาทั้งตัวปราสาทและพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกฝ่ายเดียวและนี่เป็นปัญหาที่ทุกรัฐบาลไม่ยอมและคัดค้านไม่ให้ฮุบพื้นที่ทับซ้อนครับ" นายนพดล ระบุ
ที่ผ่านมารัฐบาลสมัครสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น เพื่อให้เขายอมตัดพื้นที่ทับซ้อนออกไม่เอาไปขึ้นทะเบียน เราไม่เคยสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนพื้นที่ทับซ้อน เพราะเป็นพื้นที่ของเรา เพราะข้อเท็จจริงคือ ตัวปราสาทเป็นของกัมพูชาตามคำตัดสินของศาลโลกมา 51 ปีแล้ว
"ปชป และพันธมิตรฯ โจมตีคำแถลงการณ์ร่วม แต่ทีมทนายความของไทยในศาลโลกในขณะนี้เห็นว่าคำแถลงการณ์ร่วมเป็นประโยชน์ในการต่อสู้คดี ท่านจะเชื่อใครครับ" นายนพดล กล่าว
นายนพดล กล่าวว่า ตนเองได้พูดหลายครั้งแล้วว่าถ้าคำแถลงการณ์ร่วมมีผลเสียต่อฝ่ายไทย ทำไมข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ กองทัพ สภาความมั่นคงแห่งชาติ และครม.สมัยรัฐบาลสมัครเห็นว่าเป็นประโยชน์และเห็นชอบร่วมกันทุกฝ่าย แต่ถ้าไม่มีคำแถลงการณ์ร่วม กัมพูชาเอาพื้นที่ 4.6 ไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกไปแล้ว แต่เพราะเอกสารชิ้นนี้กัมพูชาจึงยอมตัดพื้นที่ทับซ้อนออก และขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น
"ท่านทูตวีรชัย และศาสตราจารย์เปลเล่ ทนายของไทยชาวฝรั่งเศส ก็กล่าวแถลงด้วยว่าจาต่อศาลโลก ถึงผลลัพธ์ของคำแถลงการณ์ร่วม ว่ากัมพูชาขึ้นทะเบียนมรดกโลกเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น (ไม่รวมชะง่อนเขาที่มีพื้นที่กว้าง ถ้ำ หน้าผา)...ไม่มีตอนไหนเลยครับที่ทนายของกัมพูชาเขาอ้างว่าเขาได้ 4.6 ตารางกิโลเมตรไปตามคำแถลงการณ์ร่วม เขาเพียงลำดับเหตุการณ์ว่ารัฐบาลไทยเคยสนับสนุนการขึ้นทะเบียนตัวปราสาท แต่เราไม่เคยสนับสนุนการขึ้นทะเบียนพื้นที่ทับซ้อนครับ" นายนพดล ระบุ