"จากที่ประเมินกันแล้ว เราสามารถนำพยานหลักฐานต่างๆ เหตุผลทางกฎหมาย เหตุผลทางข้อเท็จจริงสู้เขาได้อย่างมีน้ำหนัก...เรากล้าพูดได้อย่างหนึ่ง เรามีความมั่นใจในรูปคดีของเราที่นำเสนอต่อศาล"นายพงษ์เทพ กล่าว
พร้อมกันนี้ ต้องชื่นชมการทำงานของทีมทนายที่ประกอบด้วย นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก และทีมทนายความชาวต่างประเทศที่ต่างมีความเชี่ยวชาญ รอบรู้ และได้ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับทุกหน่วยงานของไทยก็ให้การสนับสนุนในเรื่องของข้อมูลอย่างเต็มที่และอย่างรวดเร็ว ซึ่งรัฐบาลได้ให้การสนับสนุนและให้อิสระต่อการทำงานอย่างเต็มที่ ทำให้ผลที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจ
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ต้องมีการนำเสนอต่อศาลในกรณีที่ศาลได้ถามถึงความหมายของบริเวณโดยรอบปราสาทพระวิหารว่าแต่ละประเทศกำหนดไว้อย่างไร ซึ่งทางรัฐบาลจะยึดถือตามเส้นที่คณะรัฐมนตรีกำหนดเมื่อปี 2505 ซึ่งเชื่อว่าฝ่ายกัมพูชาก็คงยึดถือตามแผนที่ภาคผนวก 1 เช่นกัน
ทั้งนี้ ทางกระทรวงการต่างประเทศจะมีการจัดทำสรุปประเด็นและรายละเอียดในถ้อยแถลงด้วยวาจาต่อศาลโลกแบบกระชับ เข้าใจง่าย เผยแพร่ผ่านทางเวปไซต์อีกด้วย