"เรายกเป็นอุทาหรณ์และไม่อยากเกิดเหตุการณ์นี้ อันนี้คือเจตนารมย์ อยากให้มองในภาพรวม อย่ามองเป็นจุดต่อจุด...ต้องดูในเนื้อหา เราไม่ได้พูดให้ทะเลาะกัน เราพูดในแง่ประสบการณ์ ไม่ได้กล่าวหาเป็นคนๆ" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่ได้พูดไปนั้นเพื่อสะท้อนแนวทางประชาธิปไตย ซึ่งเวทีประชุมดังกล่าวมีผู้นำหลายประเทศที่อยู่ในประชาคมประชาธิปไตย ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากประสบการณ์ที่ได้เจอมาเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยในแต่ละประเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลตั้งใจ คือ อยากให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า เพราะหากมีความเป็นประชาธิปไทยแล้วก็จะสร้างความเชื่อมั่นในสายตาของนักลงทุน หากมีเวทีในเวทีอื่นๆ ต้องการให้ไปพูดอีกก็พร้อม แต่ขอดูช่วงจังหวะ เวลา และเหตุการณ์ ที่เหมาะสม เพราะเรื่องการส่งเสริมประชาธิปไตยนั้นถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่รัฐบาลส่วนใหญ่ติดตามอยู่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่ตนเองเดินทางไปราชการในต่างประเทศเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน เพราะช่วงที่ยังไม่มีการเลือกตั้ง หรือช่วงหลังเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อปี 49 มีหลายประเทศที่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับประเทศไทยมากนัก
ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้แสดงความเห็นถึงการกล่าวปาฐกถาดังกล่าวของนายกรัฐมนตรีที่ประเทศมองโกเลียว่า เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจริงในสถานการณ์ประชาธิปไตยของไทยได้อย่างครบถ้วนและถูกต้อง เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประชาธิปไตยของไทย อีกทั้งยังเป็นการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนของไทยต่อประชาคมโลกว่าไทยมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาการเมืองไทยให้มีความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ที่สำคัญการปาฐกถาดังกล่าวมีความหมายสำคัญต่อประชาชนที่รักประชาธิปไตย
"เป็นการสะท้อนถึงบทบาทความเป็นผู้นำของประเทศไทยในการผลักดันระบอบประชาธิปไตยในภูมิภาคและในสังคมโลก ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เห็นพ้องกันว่าควรมีการเผยแพร่คำแปลคำกล่าวปาฐกถาของนายกรัฐมนตรีให้สาธารณชนได้รับทราบด้วย" รองโฆษกฯ รัฐบาลกล่าว
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวต่อที่ประชุมครม.ว่า รัฐบาลอยากเห็นการปฏิรูปการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เพื่อให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับอย่างสมบูรณ์จากประชาคมโลก พร้อมแจ้งว่าผู้จัดการประชุมประชาคมประชาธิปไตยได้เชิญให้ประเทศไทยสมัครเข้าเป็นสมาชิก โดยไทยจะได้รับเกียรติให้เป็นสมาชิกในระดับกรรมการบอร์ดของเวทีดังกล่าวด้วย และนายกรัฐมนตรียังต้องการให้ไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมเวทีดังกล่าวในปี 2558 ด้วย ซึ่งที่ประชุมครม.ได้แสดงความเห็นด้วยกับแนวคิดนี้ โดย รมว.ต่างประเทศ รับที่จะไปศึกษาและจะทำเรื่องเสนอกลับมารายงานยังที่ประชุมครม.ต่อไป