กระทรวงกลาโหมระบุในรายงานที่เสนอต่อสภาคองเกรสว่าด้วยการพัฒนาด้านความมั่นคงและทางการทหารของเกาหลีเหนือว่า “เกาหลีเหนือจะเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นในการเผชิญหน้ากับสหรัฐด้วยขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ถ้ายังทดลองและทุ่มเททรัพยากรที่ขาดแคลนในประเทศไปกับโครงการนิวเคลียร์"
รายงานนี้เป็นรายงานฉบับแรกในลักษณะดังกล่าว ที่ถูกกำหนดไว้เมื่อปีที่แล้วภายใต้กฎหมายงบประมาณด้านกลาโหม
รายงานระบุว่า “เกาหลีเหนืออาจทำการทดสอบนิวเคลียร์เพิ่มเมื่อไหร่ก็ได้" และในยุคของผู้นำคิม จอง-อึน ดูเหมือนว่าไม่มีแนวโน้มที่จะแสวงหาความสัมพันธ์ทางการทูตกับโลกตะวันตกด้วยการแลกกับเป้าหมายดั้งเดิมในการสานต่อศักยภาพด้านนิวเคลียร์และขีปนาวุธ"
"เกาหลีเหนือมีโครงการการพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีปและได้เคลื่อนย้ายขีปนาวุธข้ามทวีปที่สามารถเล็งเป้าหมายได้ทั่วทั้งเกาหลีใต้ ญี่ปุ่นและภาคพื้นทวีปแปซิฟิก"
นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่าการขายอาวุธเป็น “แหล่งสกุลเงินต่างชาติที่จำเป็นสำหรับเกาหลีเหนือ และเกาหลีเหนือไม่มีแนวโน้มจะหยุดการส่งออกอาวุธแม้มีมาตรการคว่ำบาตรจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ"
ทั้งนี้ เกาหลีเหนือ “ยังคงอยู่ในกลุ่มหลัก" ของประเทศที่มีรายได้จากอาวุธ ซึ่งรวมถึงพม่า อิหร่านและซีเรีย สำนักข่าวเกียวโดรายงาน