โดยในพรรคยังมีการวิเคราะห์เพิ่มเติมว่าภายในปีนี้อาจจะมีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้น ดังนั้นต้องเตรียมพร้อมเพื่อชัยชนะในการเลือกตั้ง พรรคจึงพิจารณาว่าจะต้องมีการปฏิรูปการทำงานของพรรคอย่างเป็นระบบ และเป้าหมายที่นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค ปชป.เสนอมานั้น คณะกรรมการบริหารพรรคเห็นพ้องว่าจะต้องปรับปรุงในลักษณะที่เป็นองค์รวม ทั้งโครงสร้างพรรคให้เกิดประสิทธิภาพ ระบบการบริหารพรรคที่จะเสริมสร้างความเข้มแข็งของพรรค โดยเปิดกว้างให้บุคคลหลากอาชีพเข้ามาทำงานได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การเสนอความเปลี่ยนแปลงย่อมมีความเห็นที่หลากหลาย โดยเฉพาะโครงสร้างกรรมการบริหารพรรค โครงสร้างการทำงานในพื้นที่ แต่โดยสรุปแล้วกรรมการบริหารพรรคเห็นตรงกันว่าให้ยึดประสิทธิภาพเป็นหลัก จึงจะได้มอบหมายให้คณะบุคคลทำงานเพื่อนำเสนอโครงสร้างภายใน 30 วัน โดยคณะทำงานนี้จะไปรับฟังความเห็นจากบุคลากรในพรรค แล้วนำเสนอกรรมการบริหารพรรค ซึ่งอาจจะกระทบไปถึงการแก้ไขข้อบังคับพรรค ดังนั้นเมื่อผ่านกรรมการบริหารก็จะต้องนำเสนอที่ประชุมส.ส.และนำสู่ที่ประชุมใหญ่ของพรรค โดยคาดว่าจะมีข้อยุติภายใน 3 เดือน
"แม้จะมีความเห็นที่หลากหลาย แต่ในพรรคมีความคิดเห็นที่ตรงกันว่าจะต้องเดินหน้าต่อไป ตอนนี้ได้ระดมคนที่จะมาช่วยทำข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมจากพรรค และขอร้องว่าระหว่างการทำงานไม่อยากให้เกิดความสับสนไขว้เขว จึงขอให้รอข้อยุติใน 30 วันข้างหน้าก่อนนำเสนอที่ประชุมใหญ่ แต่ให้ความมั่นใจว่าทุกข้อเสนอมีเป้าหมายเดียวกันที่จะผลักดันเป้าหมายของพรรคให้บรรลุเป้าหมายพรรค และไม่มีการดำเนินการใดที่จะกระทบภาระกิจในการตรวจสอบรัฐบาล และเสนอตัวเป็นทางเลือกในอนาคต" นายอภิสิทธิ์ ระบุ
พร้อมกล่าวว่า ขอให้เรื่องการปฏิรูปพรรคในช่วงนี้เป็นเรื่องภายใน เพื่อไม่อยากให้เกิดภาพความขัดแย้ง และย้ำว่าให้รอข้อยุติที่เป็นคำตอบ เพราะครั้งนี้ต้องการทำให้กลไกพรรคมั่นคง และบ้านเมืองเดินหน้าอย่างเข้มแข็งต่อไป โดยมั่นใจว่าทุกคนที่ต้องการจะเห็นพรรคเดินไปข้างหน้าและต้องการจะเห็นการรวมพลังเพื่อให้สำเร็จ เพราะเป้าหมายของพรรคคือความต้องการจะขยายฐานเสียงสนับสนุนจากที่มีอยู่ 11-12 ล้านเสียง เป็น 15-16 ล้านเสียง