ครม.รับทราบความคืบหน้าตั้งบริษัทร่วมทุนไทย-เมียนมาร์ทำโครงการเขต ศก.ทวาย

ข่าวการเมือง Tuesday May 21, 2013 16:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) รับทราบผลการประชุมคณะทำงานฝ่ายไทย-เมียนมาร์(Myanmar-Thailand Taskforce) เพื่อวิเคราะห์ผลตอบแทนทางการเงิน โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง ครั้งที่ 2

ที่ประชุมคณะทำงานฯ ได้พิจารณาทบทวนและเห็นชอบร่างสัญญาข้อตกลงผู้ถือหุ้น(Shareholders Agreement) สำหรับการจัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจ(Special Purpose Vehicle: SPV) โดยจะมีสำนักงานพัฒนาความร่วมมือเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน(องค์การมหาชน) หรือ สพพ. และ Foreign Economic Relation Department(FERD) เป็นผู้ถือหุ้นฝ่ายไทยและเมียนมาร์ตามลำดับ และร่างข้อบังคับของบริษัทจำกัด (Article of Association) รวมทั้งร่างกรอบความตกลง(Framework Agreement) สำหรับการลงนามระหว่าง SPV กับคณะกรรมการบริหารจัดการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย (Dawei Special Economic Zone Management Committee: DSEZ MC) เพื่อส่งเสริมให้มีการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายในภาพรวมอย่างเป็นระบบ

รวมทั้งรับทราบผลการศึกษาของคณะผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่นที่ทำการศึกษาแนวทางการพัฒนาโครงการทวายในภาพรวม โดยเสนอให้รัฐบาลเมียนมาร์พิจารณารูปแบบการลงทุนแบบการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน(Public-Private Partnership: PPP) เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ สำหรับโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน คือ ท่าเรือและถนน เพื่อให้โครงการมีความเป็นไปได้เชิงพาณิชย์และสามารถหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนได้ ทั้งนี้รูปแบบการลงทุนดังกล่าวควรคำนึงถึงสถานะการคลังของรัฐบาลเมียนมาร์และการลงทุนควรแบ่งออกเป็นระยะ ๆ ซึ่งฝ่ายไทยและเมียนมาร์ได้ชักชวนให้ภาครัฐและเอกชนญี่ปุ่นเข้ามามีส่วนร่วมให้การสนับสนุนต่อโครงการ อาทิ การให้ความช่วยเหลือการพัฒนาอย่างเป็นทางการ(Official Development Assistant:ODA) แก่รัฐบาลเมียนมาร์

และที่ประชุมคณะทำงานฯ ได้ตกลงกันในเรื่อง Relocation ว่า รัฐบาลเมียนมาร์จะเป็นผู้วางแผนและดำเนินการโยกย้ายคน โดยที่ SPC จะเป็นผู้จ่ายเงินผ่าน SPV และแผนการเคลื่อนย้ายคนจะต้องได้รับความเห็นชอบโดย SPV และเป็นไปตามมาตรฐานสากล

ทั้งนี้ ครม.เห็นชอบให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ.เป็นผู้เข้าร่วมจัดตั้งและร่วมลงทุนในบริษัท ทวาย เอส อี แซด ดีเวลล๊อปเมนท์ จำกัด กับหน่วยงานของเมียนมาร์ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท วงเงินไม่เกิน 100 ล้านบาท และให้ สพพ.พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจ(SPV) ร่วมกับ Foreign Economic Relation Department(FERD) ของเมียนม่าร์ ในสัดส่วนร้อยละ 50 วงเงินไม่เกิน 100 ล้านบาท โดยให้ กค.รับไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ