ญี่ปุ่นแสดงความสนใจลงทุนโครงการดาวเทียม-รถไฟความเร็วสูง-โครงการทวาย

ข่าวการเมือง Thursday May 23, 2013 16:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เผยนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้แสดงความสนใจเรื่องการลงทุนโครงการดาวเทียมและรถไฟความเร็วสูงในไทย รวมทั้งได้ขอข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในโครงการทวาย

"ญี่ปุ่นได้แสดงคามสนใจการลงทุนในดาวเทียมและรถไฟความเร็วสูงในไทย โดยนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงเรื่องดาวเทียมว่ารัฐบาลกำลังศึกษารายละเอียด ส่วนรถไฟความเร็วสูง ไทยต้องการเห็นญี่ปุ่นเข้ามาเสนอการลงทุน โดยโครงการรถไฟความเร็วสูงเป็นโครงการที่ไทยให้ความสำคัญอย่างมาก" นายสุรนันทน์ กล่าวถึงผลหารือระดับทวิภาคีระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ณ ทำเนียบนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

ส่วนความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการพัฒนาในประเทศเมียนมาร์ ซึ่งไทยสนับสนุนญี่ปุ่นให้เข้ามามีบทบาทสำคัญในโครงการเพื่อพัฒนาพื้นที่และท่าเรือทวาย โดยร่วมลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญตลอดจนนิคมอุตสาหกรรม อันจะเป็นการช่วยขยายตลาดการค้าและฐานการลงทุนในภูมิภาคของญี่ปุ่นได้ เนื่องจากโครงการจะมีการเชื่อมต่อภูมิภาคจากมหาสมุทรแปซิฟิกสู่มหาสมุทรอินเดีย

"นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ขอข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนในโครงการทวาย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แจ้งว่าเมื่อวานนี้ได้นำเสนอรายละเอียดโครงการบริหารจัดการน้ำ และโครงการลงทุนพัฒนาเครือข่ายคมนาคม 2 ล้านล้านบาทของไทย รวมทั้งโครงการพัฒนาท่าเรือและเขตเศรษฐกิจทวายแก่นักลงทุนญี่ปุ่น และได้มอบข้อมูลเบื้องต้นแก่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เพื่อเป็นใช้ในการตัดสินใจในการสนับสนุนโครงการดังกล่าวด้วย" นายสุรนันทน์ กล่าว

ทั้งนี้ ไทยต้องการเห็นสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองที่ยั่งยืนและถาวร โดยทุกประเทศต้องร่วมกันรักษาบรรยากาศที่ดีของความร่วมมือระหว่างประเทศ และใช้การพูดจาเป็นแนวทางในการสร้างความเข้าใจระหว่างกัน

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความยินดีที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศมีความใกล้ชิดกันในทุกระดับ และญี่ปุ่นมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน และเพื่อเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ เห็นควรให้มีเวทีเพื่อเป็นช่องทางในการหารืออย่างสม่ำเสมอ โดยจะมอบให้ รมว.ต่างประเทศ เป็นผู้รับผิดชอบ

ส่วนสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ นายกรัฐมนตรีย้ำถึงบทบาทของไทยในฐานะผู้ประสานงานอาเซียน-จีน ยืนยันการสนับสนุนแนวทางการแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี เนื่องจากประเด็นมีความละเอียดอ่อนที่เกี่ยวกับสันติภาพ เสถียรภาพ จำเป็นที่จะต้องเริ่มมีการเจรจาเพื่อนำไปสู่แนวปฏิบัติ COC โดยจีนจะจัด Special Foreign Ministers Meeting ในช่วงเดือนสิงหาคมหรือกันยายนนี้ ซึ่งจะเป็นเวทีที่ให้ทุกฝ่ายได้หันหน้ามาพูดคุยกัน ทั้งนี้ ความมั่นคงทางทะเลถือเป็นเรื่องสำคัญต่อการเจริญเติบโตและเสถียรภาพร่วมกันของภูมิภาค

นอกจากนี้ ไทยยินดีที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีหันหามาสู่เจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาและก่อให้เกิดสันติภาพ และปลอดอาวุธนิวเคลียร์อย่างถาวร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ