ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการพบกับผู้แทนภาคเอกชนไทยที่สนใจลงทุนในศรีลังกาจากสาขาธุรกิจต่างๆ จำนวน 30 คน ณ โรงแรมฮิลตัน โคลัมโบ โดยภาคเอกชนเหล่านี้จะได้พบกับภาครัฐและเอกชนของศรีลังกา และมีกิจกรรมจับคู่(Business Matching) และสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ รวมทั้งการพบหารือกับผู้บริหารหน่วยงานของศรีลังกาตามรายสาขา เช่น สาขาอาหารจะมีการพบกับผู้บริหารของบริษัท Cargills และสำรวจตลาดที่ Food City
นายกรัฐมนตรีสนับสนุนให้มีการขยายการลงทุนในประเทศศรีลังกาเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-ศรีลังกา ตลอดจนการสร้างเครือข่ายในระดับภูมิภาคอาเซียนและเอเชียใต้ที่มีความใกล้ชิดกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งภาคเอกชนได้กล่าวถึงโอกาสการขยายการลงทุนในแต่ละสาขา ศักยภาพ และอุปสรรคปัญหาที่ต้องการรับการสนับสนุนจากรัฐบาล
สำหรับศรีลังกาเป็นประเทศที่กำลังขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง หลังจากรัฐบาลประสบความสำเร็จในการเจรจาสันติภาพกับกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอิแลมในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ศรีลังกาจึงเปิดกว้างและต้อนรับนักลงทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน ธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรม ตลอดจนการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค เนื่องจากปัจจุบันศรีลังกามีปริมาณความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นทุกปี
ศรีลังกายังมีศักยภาพเป็นแหล่งลงทุนสำหรับตลาดอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากจีน เนื่องจากมีความตกลง FTA กับอินเดีย ทำให้มีรายการสินค้าที่สามารถส่งออกไปอินเดียโดยปลอดภาษีนับพันรายการ นอกจากนี้ ศรีลังกากำลังอยู่ระหว่างพิจารณาโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทางตอนเหนือของประเทศเพื่อเชื่อมต่อกับอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีตลาดการค้าใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกอีกด้วย