"ฝ่ายความมั่นคงมีแนวคิดปรับยุทธศาสตร์การบริหารชายแดนและความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และพื้นที่จังหวัดชายแดนอื่นๆ รวม 31 จังหวัด ด้วยการลดการประกาศใช้กฎอัยการศึกและให้คงเหลือ พ.ร.บ.มั่นคงฯ เท่านั้น เพื่อคลายความกังวลในการใช้กฎหมายพิเศษในพื้นที่ รวมทั้งเป็นการรองรับการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน"เลขาธิการ สมช.กล่าว
เลขาธิการ สมช.กล่าวว่า แนวคิดดังกล่าวน่าจะมีความชัดเจนทันทีที่มีการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านการค้าชายแดนและความมั่นคงที่จะมีขึ้นในเดือน ก.ค.56 ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมด้วย
เลขาธิการ สมช. ยังกล่าวถึงกรอบการพูดคุยเพื่อสร้างสันติภาพฯ กับกลุ่มบีอาร์เอ็นรอบที่ 3 ในวันที่ 13 มิ.ย.ที่มาเลเซียว่า เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น และยังไม่สามารถทำตามข้อเสนอแนะของ ร.ต..อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ให้ลดระยะเวลาการพูดคุยลง เพราะจะต้องดูสถานการณ์หน้างาน และต้องดูผลตอบรับของทั้ง 3 ฝ่าย คือ ไทย มาเลเซีย และกลุ่มบีอาร์เอ็น แต่ยืนยันจะพยายามทำให้กระชับขึ้น เพราะมีการพูดคุยกันมาแล้ว 2 ครั้ง
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ไปพิจารณาข้อกฎหมายเกี่ยวกับคำสั่งของศาลปกครองกลางที่ให้คืนตำแหน่งเลขาธิการ สมช.แก่นายถวิลนั้น เป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้เกิดความรอบคอบมากขึ้น และอัยการจะได้มีคำแนะนำที่เป็นเหตุเป็นผลต่อรัฐบาล และถึงแม้รัฐบาลจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่เลขาธิการ สมช. รวมถึงการหารือกับกลุ่มบีอาร์เอ็นด้วย ซึ่งส่วนตัวไม่กังวลใจ ขอทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย และพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งโดยจะให้ไปอยู่ที่ไหนก็ได้