"ที่ผ่านมาต่างกระทรวงก็ต่างชี้แจง แทนที่จะเป็นภาพรวมเพื่อความเป็นเอกภาพ จนส่งผลทำให้ตัวเลขเกิดความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน เพราะที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์จะพูดเพียงว่าขายข้าวได้เท่าไร กระทรวงการคลังบอกว่าขายข้าวได้เงินเท่าไร แล้วประชาชนจะรู้ได้อย่างไร เมื่อขายข้าวแล้วภาพรวมจะเป็นอย่างไร จึงทำให้เกิดความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
ส่วนการชี้แจงข้อมูลเรื่องดังกล่าวในเวทีเสวนาจำนำข้าวสัญจรจับเข่าคุยเกษตรกรชาวนาที่ จ.พิษณุโลกนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นงานที่กระทรวงพาณิชย์ต้องทำ เพราะเมื่อมีโอกาสพบกับเกษตรกรแล้วก็ควรจะรับฟังความคิดเห็นแล้วนำกลับมาพิจารณา จะได้มีการนำเสนอข้อมูลการปลูกพืชเพื่อให้ได้ผลผลิตและคุณภาพที่สูงขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า โครงการรับจำนำข้าวถือเป็นนโยบายที่ดีที่จะให้เกษตรกรมีรายได้ที่ดีขึ้น การรับจำนำข้าวเป็นการหมุนเวียนเศรษฐกิจในประเทศให้แข็งแรงขึ้น รัฐบาลเข้าใจข้อห่วงใยต่างๆ จึงได้ให้ทุกหน่วยงานรวบรวมข้อมูล และให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.) กลับไปพิจารณาต่อไปว่า การรับจำนำข้าวในวันข้างหน้าจะทำอย่างไรให้ดีขึ้น และนำข้อห่วงใยทุกข้อไปสู่ภาคปฏิบัติ
ส่วนกรณีที่มีการเปิดเผยผลการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวล่าช้านั้น นายกรัฐมนตรี เชื่อว่า จะไม่เป็นผลลบต่อรัฐบาล ทุกอย่างอยู่ในระบบบัญชีเป็นฐานข้อมูลของรัฐอยู่แล้ว เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน ส่วนปัญหาการทุจริตนั้นได้ตั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตรวจสอบดูแลอยู่แล้ว ซึ่งหากพบการทุจริตก็ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนข้อโต้แย้งต่างๆ เรื่องก็อยู่ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ก็ต้องว่ากันไปตามขั้นตอน ขอให้แยกกันระหว่างเรื่องนโยบายกับขั้นตอนการปฏิบัติในการระบายข้าว
นายกรัฐมนตรี ยังปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นว่าตัวเลขขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวควรอยู่ที่เท่าไหร่จึงจะช่วยให้เกษตรกรสามารถอยู่ได้ โดยระบุว่าต้องดูความสมดุล ซึ่งเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการฯ จะไปรวบรวมข้อมูลและประเมิน เพื่อนำไปสู่ข้อเสนอแนะต่างๆ พร้อมทั้งปฏิเสธที่จะตอบคำถามถึงอานคตในการทำหน้าที่ รมว.พาณิชย์ ต่อไปของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์