"กรอบการพูดคุยยังใช้โรดแมปที่มาจากหน่วยความมั่นคงและการสอบถามภาคประชาชนในพื้นที่ ซึ่งในวันนี้จะประมวลผลและนำไปพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นในวันพรุ่งนี้" พล.ท.ภราดร กล่าว
โดยการพูดคุยในวันพรุ่งนี้จะมีการสืบสภาพว่า 1 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มใดก่อเหตุความรุนแรง เพื่อแก้ปัญหาร่วมกัน หากไม่ใช่กลุ่มนี้ก็พร้อมที่จะคุยกับกลุ่มอื่นตามแนวคิดของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศปก.กปต.ซึ่งเชื่อว่า พรุ่งนี้จะมีความชัดเจนว่า การก่อเหตุไม่สงบมาจากกลุ่มไหน ส่วนจะมีการเลื่อนกำหนดพูดคุยในครั้งต่อไปหรือไม่จะต้องรอดูผลการพูดคุยในรอบที่ 3 ก่อน รวมถึงดูว่ากลุ่มบีอาร์เอ็นจะสั่งการลดเหตุความรุนแรงได้หรือไม่
ส่วนข้อเสนอ 5 ข้อของกลุ่มบีอาร์เอ็น โดยเฉพาะเรื่องการปลดปล่อยชาวปาตานีนั้น เลขาธิการ สมช. ระบุว่า ขณะนี้ยังมีการแปลนัยยะไม่ตรงกันว่าจะหมายถึงการแบ่งแยกดินแดนหรือไม่ รวมถึงข้อเสนอของนายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่เสนอแนะเรื่องพื้นที่เขตปกครองพิเศษ ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าจะต้องมีสืบสภาพในเวทีพูดคุยกับภาคส่วนต่างๆ โดยที่จะแยกเป็นรัฐปกครองไม่ได้ ขณะที่ประชาชนในพื้นที่มองว่า อยากให้มีการปกครองท้องถิ่นแบบสร้างสันติสุข ดังนั้นจะต้องมีการพูดคุยในพื้นที่อีกครั้ง
และข้อเสนอของกลุ่มบีอาร์เอ็นที่ต้องการให้โอไอซีและเอ็นจีโอเข้ามาร่วมสร้างสันติภาพในเรื่องนี้ก็ต้องมีการสอบถามว่าต้องการสื่อความหมายหมายเช่นไรนั้น พล.ท.ภราดร กล่าวว่า การพูดคุยในวันพรุ่งนี้ ทางไทยมีการเตรียมรายชื่อผู้มีหมายจับความคดีความมั่นคงจำนวนหนึ่ง แต่ไม่ขอเปิดเผยตัวเลข ซึ่งจะมีการพูดคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นว่าจะสามารถปล่อยตัวใครได้บ้าง
เลขาธิการ สมช.ยังกล่าวถึงคดีสังหารนายเอกยุทธ อันชันบุตร เจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ว่า ทาง สมช.ได้มีการติดตามคดีดังกล่าวมาตลอด เพราะถือว่าเป็นนักธุรกิจชั้นนำและมีชื่อเสียง ส่วนคดีนี้จะเกี่ยวข้องกับบุคคลมียศและมีสีหรือไม่ ยังอยู่ในชั้นการสืบสวนสอบสวน
ส่วนการชุมนุมเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ในขณะนี้ได้มีการเฝ้าระวัง เพราะเป็นช่วงบ่มเพาะแต่สถานการณ์ยังควบคุมได้