"องค์กรฯไม่คัดค้านโครงการ ที่จะเอื้อประโยชน์ และสร้างความมั่นคงให้ชาวนาอย่างยั่งยืนภายใต้ระบบการค้าเสรี แต่องค์กรฯมีความกังวลมาก เนื่องจากโครงการนี้มีความเสี่ยงต่อคอร์รัปชั่น ในขั้นตอนการบริหารจัดการที่ไม่โปร่งใส" นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น(ประเทศไทย) ได้ประกาศแถลงการณ์ "จำนำข้าว หยุดโกง เอาคนผิดมาลงโทษ ช่วยชาวนาให้มากขึ้น"
ดังนั้น หากรัฐบาลยังเดินหน้าโครงการต่อไป ขอเรียกร้องและเสนอแนวทางแก่รัฐบาล ดังนี้ 1.เร่งรัดให้มีการสอบสวนพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชั่นในทุกขั้นตอนของโครงการ เพื่อนำตัวคนผิด และผู้ที่เกี่ยวข้องมาลงโทษโดยเร็วที่สุด
2.ในส่วนของข้าวที่รับจำนำไว้ก่อนหน้านี้ รัฐบาลต้องเปิดเผยตัวเลขราคา ปริมาณข้าว และประเภทข้าวที่จำหน่ายไปแล้ว และที่มีอยู่ในสต๊อก เพื่อสร้างความโปร่งใส เพราะข้าวที่รับจำนำมาทั้งหมดเป็นสมบัติของชาติ จึงเป็นสิทธิ์ของประชาชนที่จะรับรู้ข้อมูลเหล่านี้
3.เปลี่ยนวิธีการเพื่อลดโอกาสการทุจริตคอร์รัปชั่นด้วยการรับจำนำข้าวเปลือก และประมูลขายเป็นข้าวเปลือกออกไปเป็นล็อตเล็กๆ ทันทีโดยไม่เก็บสต๊อก เพื่อกำจัดขั้นตอนการทุจริต เช่น การลักลอบสวมสิทธิ์ข้าวจากต่างประเทศ การเวียนเทียนจำหน่ายข้าวจากสต๊อกรัฐบาล สับเปลี่ยนข้าวคุณภาพสูงด้วยข้าวคุณภาพต่ำ หรือเสื่อมคุณภาพ เอื้อพวกพ้องด้วยการแอบขายข้าวในราคาต่ำเพื่อจำหน่ายต่อ เป็นต้น และ 4.ดำเนินการจัดตั้ง "ศูนย์ช่วยเหลือชาวนา" ทั่วประเทศ เพื่อให้มีศูนย์กลางรับเรื่องร้องเรียนจากผู้ที่ได้รับความเสียหายอย่างทั่วถึง และดำเนินการช่วยเหลือในภาคปฏิบัติอย่างเป็นขั้นตอนรวดเร็ว
โดยเร็วๆ นี้ องค์กรฯ จะทำหนังสือขอเข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อยื่นข้อเสนอนี้ และหารือในเรื่องโครงการนี้ หลังจากนั้นก็จะยื่นข้อเรียกร้องและข้อเสนอแนะต่อการบริหารจัดการน้ำอย่างโปร่งใสภายใต้งบประมาณ 350,000 ล้านบาทด้วย
อย่างไรก็ตาม องค์กรฯและภาคีที่เกี่ยวข้อง พร้อมทำงานร่วมกับรัฐบาลในการลด-สกัดโอกาสการทุจริตคดโกงของโครงการนี้ ส่งเสริมให้มีการช่วยชาวนาอย่างทั่วถึง เต็มเม็ดเต็มหน่วย พร้อมกันนี้ องค์กรฯยังได้มีจดหมายถึงประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ทำการตรวจสอบสต๊อกข้าว และตรวจสอบความถูกต้องของบัญชีการระบายข้าวอย่างเข้มงวด หากตรวจพบทุจริตคอร์รัปชั่นในขั้นตอนใดๆ ก็ตาม จะต้องหาคนผิดมาลงโทษให้ได้ เพราะความเสียหายในครั้งนี้มีผลกระทบมหาศาลต่อประเทศชาติ และคุณภาพชีวิตของชาวนา
"การทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ผมไม่รู้ว่าเกิดขึ้นในขั้นตอนใดมากกว่ากัน แต่มีการทุจริตอยู่ในทุกขั้นตอนแน่นอน ทั้งจากโรงสีที่มีการโกงน้ำหนัก ความชื้นชาวนา ทำให้ชาวนาได้เงินไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ชาวนาถูกกลุ่มบุคคลชัดจูงในขึ้นทะเบียนเกษตรกรปลอม พ่อค้าร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐนำเข้าข้าวจากต่างประเทศมาสวมสิทธิ์เกษตรกรไทยเข้าโครงการรับจำนำข้าว เจ้าของโรงสี และโกดังเก็บข้าว ยักย้ายถ่ายเทข้าวในสต๊อกรัฐบาล โดยเอาข้าวไปขายก่อนแล้วซื้อข้าวคุณภาพต่ำ ราคาถูกมาใส่ในโกดังแทน ส่วนรัฐบาลก็เอาข้าวในสต๊อกขายให้กับผู้ส่งออกที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมแบบลับๆ เป็นต้น" นายประมนต์ กล่าว
ส่วนข้อเรียกร้องให้รัฐบาลกลับมารับจำนำข้าวเปลือกเจ้า 100% ที่ตันละ 15,000 บาทเหมือนเดิม หลังปรับลดราคาลงเหลือตันละ 12,000 บาท นายประมนต์ กล่าวว่า โดยทั่วไปผู้บริหารประเทศเมื่อตัดสินใจอะไรไปแล้ว ก็ต้องอยู่บนเหตุผลที่รับได้ แต่ถ้ามีนโยบายกลับไปกลับมา เท่ากับว่า ไม่มั่นคงในหลักการ
ด้านนายวิชัย อัศรัสกร เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) กล่าวว่า ขณะนี้สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับโครงการรับจำนำข้าวคือ ปริมาณข้าวในสต๊อกที่ยังมีจำนวนมาก ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งระบายออก เพื่อให้มีเงินมาใช้ในโครงการรับจำนำปีต่อไป หากยังไม่สามารถระบายออกได้ ก็จะกระทบกับชาวนา ส่วนสต๊อกที่กำลังจะรับจำนำใหม่ ผู้ส่งออกของไทยเสนอให้เปิดประมูลล่วงหน้า เพื่อที่รัฐจะได้ไม่ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บสต๊อก รักษาคุณภาพ และบริหารจัดการอื่นๆ สำหรับชาวนา รัฐควรจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือ เพื่อเป็นช่องทางในการช่วยเหลือชาวนา ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ และไม่ได้รับความเป็นธรรม