"เรื่องข้าวในตอนนี้จะเร่งระบายข้าวที่ค้างสต็อกให้เร็วที่สุดและให้มากที่สุด โดยต้องหาแนวทางที่จะทำให้ราคาข้าวสารไทยสามารถกลับมาแข่งขันในตลาดโลกได้อีกครั้ง เพราะหากมีราคาสูงมากๆ ก็ไม่มีใครซื้อ จะส่งผลให้ปริมาณข้าวในสต็อกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังต้องทำให้ชาวนาขายข้าวในราคาดีด้วย ซึ่งทั้งสองเรื่องสวนทางกัน แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด รวมถึงต้องเร่งลดต้นทุนการผลิตให้ชาวนา เพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น" นายนิวัฒน์ธำรง กล่าว
ขณะที่นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ช่วยกันหามาตรการเร่งระบายข้าวให้ได้อย่างน้อย 4-5 ล้านตันในช่วง 3 เดือนนับจากนี้(ก.ค.-ก.ย.56) พร้อมกันนั้นได้สั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศทำแผนระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลเป็นรายเดือน โดยให้กำหนดว่าแต่ละเดือนจะระบายข้าวแต่ละชนิดออกอย่างไรในปริมาณเท่าไร เพื่อเป็นการกำหนดแนวทางการทำงานที่ชัดเจน โดยข้าวในสต๊อกจะเน้นการระบายทั้งรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) หรือการที่ภาครัฐนำภาคเอกชนเดินทางไปเจรจากับต่างประเทศ โดยเน้นขายให้ประเทศที่มีความต้องการซื้อมากๆ อย่างอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์
"เป้าหมายของรัฐบาลคือต้องขายข้าวออกให้ได้มากที่สุดในราคาดีที่สุด ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลน่าจะปล่อยให้กระทรวงพาณิชย์ระบายได้อย่างผ่อนคลายมากขึ้น ทั้งเรื่องของราคาและเรื่องวิธีการระบาย โดยประเทศใดสามารถชำระเงินได้เร็วก็อาจจะใช้วิธีในการลดราคาให้เพื่อเป็นการจูงใจ แต่หากประเทศใดที่มีฐานะไม่ดีนัก ก็อาจจะใช้วิธีในการยืดการชำระหนี้ออกไป ส่วนราคาขายจะเป็นอย่างไรก็อยู่ที่การต่อรอง แต่ไม่น่าจะต่ำมากเกินไป"นายยรรยง กล่าว
ด้านนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กล่าวระหว่างเดินทางมาอำลาผู้บริหาร และข้าราชการของกระทรวงพาณิชย์ ว่า ขอให้ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ช่วยงานนายนิวัฒน์ธำรงในการขับเคลื่อนภารกิจต่างๆ ของกระทรวงให้ประสบความสำเร็จต่อไป พร้อมทั้งขอบคุณข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ที่ช่วยทำงานมาด้วยดีโดยตลอด
"ผมมาจากการเมือง พอถึงเวลาก็ต้องไปเพราะการเมือง ไม่ท้อ หรือหมดกำลังใจ จากนี้จะกลับไปทำงานบริหารพรรคเพื่อไทย การทำงานในกระทรวงพาณิชย์ที่ผ่านมาถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมากในทางการเมือง มีทั้งความสุข และความสนุก แม้จะเป็นเรื่องยาก แต่ก็ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ อยากให้ข้าราชการเดินหน้าทำงานช่วยเหลือ และดูแลประชาชนต่อไปอย่างต่อเนื่อง" นายบุญทรง กล่าว