"ขอยืนยันว่าการปรับขึ้นลงของราคารับจำนำข้าวไม่ได้เกิดจากความโลเลใจของรัฐบาล ทุกอย่างที่รัฐบาลกระทำย่อมมีเหตุมีผลเสมอ ซึ่งเราได้กำหนดวันสิ้นสุดในการรับจำนำถึงวันที่ 15 ก.ย.และส่วนของภาคใต้สิ้นสุด 30 พ.ย.56 หลังจากนี้ต้องมาดูอีกว่าจะมีทิศทางของโครงการรับจำนำข้าวอย่างไร จะคงราคาเดิมไว้หรือปรับลดอย่างไร ต้องรอดูราคาข้าวในตลาดโลก การผันผวนของค่าเงินบาท และวินัยทางการคลังอีกครั้งหนึ่ง" รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
พร้อมระบุว่า การรักษาวินัยทางการคลังมีความจำเป็นมากต่อการบริหารประเทศชาติ หากรัฐบาลไม่ให้ความสนใจต่อวินัยการคลัง ประเทศก็จะไปสู่อันตรายคือการล่มจมทางเศรษฐกิจ ในส่วนนี้รัฐบาลได้ให้ความสำคัญ ไม่ได้ปล่อยปะละเลยอย่างที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน)กล่าวหา รวมทั้งการที่นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล เข้ามาดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ แทนนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ก็ไม่ได้เข้ามาเป็นเพียงแพะตัวใหม่ให้นายกรัฐมนตรีได้ลอยตัวเหมือนเดิม และเพื่อประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับโครงการรับจำนำข้าวให้ดูดีตามที่ฝ่ายค้านกล่าวหา
"ท่านเข้ามาทำงานไม่ได้มาเป็นแพะ ท่านเพิ่งจะเริ่มงานได้วัน 2 วัน อย่าเพิ่งมาตัดสิน ภาพลักษณ์โครงการนี้ดีอยู่แล้วตั้งแต่ต้น และยังคงดีอยู่ ไม่จำเป็นที่จะต้องมาสร้างภาพลักษณ์อะไรมากมาย แค่เพียงกู้ภาพลักษณ์ที่ดีคืนจากพวกที่โจมตีและแสวงหาผลประโยชน์จากโครงการนี้เท่านั้น" นายภักดีหาญส์ กล่าว