ส่วนกรณีการตั้งกรรมการสอบ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง กรณีเปิดเผยผลขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวให้คณะกรรมการการเศรษฐกิจ วุฒิสภา นั้น ตนเองไม่อยากให้มองเป็นประเด็นการเมือง เพราะหน่วยงานที่รับผิดชอบก็ต้องดูแลให้ความเป็นธรรมอยู่แล้ว
นายกฯ ยังปัดตอบกรณีคลิปสนทนาเสียงคล้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับ พล.อ.ยุทธศักดิ ศศิประภา รมช.กลาโหม ในประเด็นระบุว่า จะปรับเปลี่ยนการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มาเป็น พ.ร.ก.นิรโทษกรรม เพื่อช่วยเหลือให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางกลับประเทศไทยโดยเร็วหรือไม่ เพียงแต่ยืนยันว่า ยังยึดหลักการเดิมที่จะให้ความเป็นธรรมอย่างเสมอภาคแก่ทุกฝ่าย และคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม
นายกฯ กล่าวว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในขณะนี้ถูกโยงเป็นประเด็นการเมืองไปทั้งหมด ซึ่งตนเองอยากให้ประชาชนแยกแยะ เพราะไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อการบริหารประเทศ
"สถานการณ์การเมืองอยู่ในโหมดที่มองทุกเรื่องเป็นเรื่องการเมืองหมด ก็อยากให้แยก เพราะจะมีผลกระทบต่อการบริหารประเทศ ไม่อยากให้มองเป็นประเด็นการเมือง เพราะประชาชนฟังแล้วอาจไม่สามารถแยกแยะได้ รัฐบาลพยายามทำเต็มที่ในข้อจำกัดที่มีอยู่" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองจะทวีความรุนแรงมากขึ้นนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็มีความรุนแรงต่อเนื่องอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าจะเป็นเรื่องใด ขณะนี้มีสถานการณ์ต่างๆ ที่ต้องเร่งแก้ไขเกิดขึ้นมากมาย ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ การเมืองระดับประเทศ การเมืองระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันประคับประคองประเทศชาติให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า รัฐบาลจะสามารถอยู่บริหารประเทศได้ครบวาระ 4 ปีหรือไม่ขึ้นอยู่การให้โอกาสจากประชาชน โดยรัฐบาลพร้อมที่จะรับฟังข้อเสนอแนะทุกเรื่องเพื่อนำไปปรับปรุงการทำงาน และเมื่อการทำงานย่างเข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว งานค่อนข้างหนัก แต่ไม่ได้ทำให้ตนเองเสียสมาธิ หรือเครียดกับการทำงาน ส่วนกระแสข่าวการทำรัฐประหารนั้นเชื่อว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีใครเห็นด้วย
"ต้องดูในหลายประเทศว่าทำ(รัฐประหาร)แล้วเกิดประโยชน์หรือเปล่า เชื่อว่าไม่มีใครอยากทำร้ายประเทศตัวเอง" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว