"ขอยืนยันว่าทุกนโยบายที่รัฐบาลได้ให้สัญญากับประชาชนไว้นั้น รัฐมุ่งดำเนินการอย่างจริงจัง ไม่ได้เสนอออกมาเล่นๆ ทั้งนโยบายกองทุนหมู่บ้าน โครงการพักชำระหนี้ ซึ่งตอนนี้รัฐก็ดำเดินการอยู่ ไม่ได้พับเก็บอย่างที่นายสรรเสริญกล่าวหา โดยเฉพาะโครงการพักชำระหนี้ที่รัฐบาลได้ดำเนินการพักหนี้ให้กับประชาชนที่มีความเดือดร้อนเร่งด่วนและมีปัญหาการชำระหนี้ เพื่อเป็นการดูแลปัญหาภาระหนี้สินของประชาชนอย่างต่อเนื่อง และบรรเทาความเดือดร้อนด้านการเงินให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุม" รองโฆษกรัฐบาล ระบุ
พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ออกนโยบายประชานิยมมาปูทางให้ประชาชนเป็นหนี้ เพื่อที่จะใช้นโยบายล้างหนี้ในการหาเสียงในครั้งต่อไป รัฐบาลมีความคิดพอที่จะรู้ว่าอะไรดี หรือว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ ซึ่งสามารถลดปัญหาภาระหนี้สินของประชาชนลงได้ ตอนนี้เศรษฐกิจภาพรวมของประเทศยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เศรษฐกิจไทยอยู่ในเชิงบวกจากโครงสร้างพื้นฐานที่เข้มแข็ง แม้เศรษฐกิจโลกจะยังผันผวน การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง และอนาคตหนี้สินครัวเรือนก็จะลดลงมาจากเดิมอีก
ก่อนหน้านี้ นายสรรเสริญ สมะลาภา ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ รมช.คลังเงา แถลงข่าวถึงกรณีที่หนี้ภาคครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ เรียกร้องให้รัฐบาลจริงใจในการแก้ปัญหาหนี้ภาคประชาชนที่เพิ่มขึ้น รัฐบาลตั้งใจที่จะทำให้ประชาชนเป็นหนี้และเสพติดนโยบายประชานิยม ก่อนที่จะออกนโยบายล้างหนี้อีกรอบ
รองโฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ที่ผ่านมาในการทำงานของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หมดไปกับการประดิษฐ์คิดค้นชื่อนโยบายต่างๆ ให้สวยหรูและติดหูประชาชน โดยที่ความจริงแล้วนโยบายเหล่านั้นก็คือนโยบายประชานิยมแบบเก่าในชื่อใหม่ ซึ่งผลประโยชน์ตกไม่ถึงคนประชาชนเลย ไม่ได้มุ่งเน้นในการทำงานจริง เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่มีนโยบายใดที่นำไปสู่การปฏิรูปเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ มีแต่เพียงนโยบายแบบประชานิยมหาเสียง ได้แต่ทำให้ประชาชนทั้งเกษตรกร คนงาน ผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อยเป็นหนี้ ต้องหันมาพึ่งพิงธนาคาร นายทุนเงินกู้ เศรษฐกิจโดยรวมไร้ความสมดุล ขาดประสิทธิภาพ การแข่งขันในตลาดโลกจึงเป็นเรื่องที่ยาก
"เชื่อว่าหนี้ภาคครัวเรือนในรัฐบาลชุดนี้ต่ำกว่ารัฐบาลของยุคนายอภิสิทธิ์แน่ เพราะรัฐดำเนินการอย่างจริงจัง ทุกนโยบายที่คิดมาเพื่อช่วยลดหนี้สิน ลดความยากจนของประชาชน เกิดขึ้นจริงและส่งผลจริง เพราะฉะนั้นอย่าเอารัฐบาลนายอภิสิทธิ์มาเปรียบเทียบกับรัฐบาลชุดนี้ นโยบายเราต่างกัน ชั้นเชิงในการทำงานก็ย่อมต้องต่างกัน เปรียบเทียบกันไม่ได้ ควรหันไปดูว่าความจริงแล้วนั้นคุณช่วยประชาชนได้มากน้อยเพียงใด หรือไม่ได้ช่วยพวกเขาเลย" นายภักดีหาญส์ กล่าว