"การทำตามคำสั่งศาลอย่างที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กบอ.ระบุว่า จะดำเนินการรับฟังความคิดเห็นประชาชนในระยะเวลา 3 เดือนนั้นจะกลายเป็นเพียงการประชาสัมพันธ์และจัดนิทรรศการให้ประชาชนรับทราบเท่านั้น ซึ่งจะไม่มีประโยชน์อะไรทั้งสิ้น แต่แนวทางการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนก่อนเริ่มโครงการจะมีข้อเสนอแนะและความเห็นที่หลากหลาย และนำความคิดเห็นเหล่านั้นมาปรับปรุงแก้ไขและกำหนดเป็นโครงการต่อไป ซึ่งอาจจะมีจำนวนโมดูลเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากโครงการเดิมก็ได้ หลังจากนั้นจึงศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมตามขั้นตอนต่อไป" นายศรีสุวรรณ กล่าว
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การที่นายปลอดประสพระบุว่าการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมของโครงการบางส่วน กรมชลประทานได้มีการศึกษาไว้แล้วนั้น ตนเองเห็นว่า รายงานดังกล่าวจะนำมาใช้ทั้งหมดไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นข้อมูลเก่า ซึ่งการนำรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจะต้องมีการปรับเปลี่ยนไปตามเวลาและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงด้วย และการระบุว่าจะสามารถจัดทำรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมในระยะเวลาสั้นๆ นั้นจะกลายเป็นการบังคับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อการบริหารจัดการน้ำในอนาคต และประชาชนก็จะเกาะติดการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐอยู่แล้ว
"หากรัฐบาลใช้อำนาจโดยพลการก็อาจจะนำไปสู่การฟ้องร้องที่ไม่สิ้นสุดจนรัฐบาลไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ดังนั้นการทำตามกรอบกฎหมาย แม้จะช้าแต่ก็ไม่ทำให้เกิดความเสียหายแน่นอน" นายศรีสุวรรณ กล่าว