ทั้งนี้ จากที่ได้ติดตามดูการปราศรัยเวทีผ่าความจริงของพรรคประชาธิปัตย์ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จะเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์เปิดหน้าเล่นแบบจัดเต็มนอกสภา ซึ่งคงจะประมาทพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนไม่ได้มีหน้าที่โดยตรงในการดูแลเรื่องความมั่นคง แต่หากนายกรัฐมนตรีมอบหมายก็พร้อม โดยได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่ไม่ขอวิเคราะห์เรื่องการใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
ร.ต.อ.เฉลิม ยังเชื่อว่าสถานการณ์ทางการเมืองในเดือนส.ค.จะมีความร้อนแรง แต่ไม่หวั่นว่าการเมืองจะซ้ำรอยเหมือนปี 2549 เพราะเชื่อใจทหาร พร้อมกันนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการตัดสินคดีขององค์กรอิสระที่อาจจะมีผลต่อรัฐบาล แต่ทั้งนี้จะแถลงความชัดเจนถึงความกังวลอีกครั้งในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ในฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวถึงการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลในวันที่ 4 ส.ค.นี้ว่า การเคลื่อนไหวของประชาชนสามารถทำได้ เพราะถือว่าเป็นสิทธิเสรีภาพ แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ขณะเดียวกันเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องดูแลให้เกิดความสงบในบ้านเมือง จึงไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวลแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม จากการที่พรรคประชาธิปัตย์มีการปลุกระดมประชาชนให้ออกมาร่วมชุมนุมนั้น นายณัฐวุฒิ เรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ประกาศตัวเป็นแกนนำในการชุมนุมครั้งนี้อย่างชัดเจน เพื่อแสดงความจริงต่อสังคม เพราะที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยออกมาเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง และถือว่าพรรคประชาธิปัตย์กินแรงประชาชนใช่หรือไม่ โดยขอให้ประกาศเป็นมติพรรคว่า หากส.ส.หรือสมาชิกพรรคคนไหนต้องการออกมาร่วมเดินขบวนชุมนุมก็ขอให้มีการอนุญาต เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ว่าความขัดแย้งที่ผ่านมามีพรรคการเมืองใดอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด
นายณัฐวุฒิ ยังเชื่อว่า การชุมนุมที่จะเกิดขึ้นจะไม่มีความรุนแรง เนื่องจากรัฐบาลประกาศชัดเจนว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง เจ้าหน้าที่ต่างก็ยึดหลักกฎหมายและปฏิบัติตามหลักสากล อีกทั้งขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่มีการเตรียมการด้านอาวุธแต่อย่างใด นอกจากนี้ ในฐานะแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ยืนยันว่า คนเสื้อแดงจะไม่ออกมาเผชิญกับกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลแน่นอน แต่จะมีการรวมตัวในที่ตั้งเพื่อสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าว โดยได้มีการขอความร่วมมือจากทุกส่วน เพื่อไม่เปิดโอกาสให้กลุ่มบุคคลที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์