ในมุมมองของเราเชื่อว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยในหลักการที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อความปรองดองของคนในชาติ เพียงแต่ห่วงการสอดแทรกในประเด็นที่ยังมีความขัดแย้งกันอยู่ (การนิรโทษกรรมให้อดีตนายกฯ ทักษิณ) ดังนั้นการดันกฎหมายนิรโทษกรรมจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่และน่าจะผ่านไปได้หากบรรดาพรรคการเมืองมีความจริงใจต่อกัน ทำแบบตรงไปตรงมา ส่วนในกรณีเลวร้าย คือ การดันร่างกฎหมายนิรโทษกรรมแล้วเกิดปัญหามาก พรรคเพื่อไทยยังมีทางออกด้วยการถอนร่างกฎหมายดังกล่าวออกไปก่อน (เหมือนกับที่เคยทำมาแล้วหลายครั้งก่อนหน้านี้) แล้วพิจารณาร่างกฎหมายสำคัญอื่น ๆ แทน ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันทางการเมืองลงไปมาก ดังนั้นเราจึงมองการเมืองยังไม่น่าถึงขั้นแตกหักแน่นอน
ประเด็นทางการเมืองที่เรากังวลมากสุด ไม่ใช่การดันร่างกฎหมายนิรโทษกรรม หรือการนัดชุมนุมต่อต้านรัฐบาล แต่เป็นการพิจารณาร่างกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพราะมีผลกระทบมากต่อภาวะเศรษฐกิจในอนาคต โดย (1) แม้สภาผู้แทนราษฎรจะสามารถพิจารณากฎหมายฉบับนี้ผ่านวาระ 2 และ 3 และส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณาต่อไปในสมัยประชุมนี้ แต่เราเชื่อว่าจะถูกยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าวว่าจะขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 169 หรือไม่
และ (2) แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะตีความว่ากฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทไม่ขัดรัฐธรรมนูญ แต่เราเชื่อว่าจะถูกยื่นให้ศาลปกครองพิจารณาเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของประชาชนและผลกระทบด้านต่าง ๆ เช่นเดียวกับโครงการบริหารจัดการน้ำมูลค่า 3.5 แสนล้านบาทที่ต้องสะดุดลง เพราะศาลปกครองสั่งให้ต้องมีการทำประชามติรับฟังความคิดเห็นประชาชนตามรัฐธรรมนูญก่อน เนื่องจากโครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาทนี้ เป็นการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีการยกเครื่องระบบขนส่งมวลชนและโลจิสติกใหม่ แน่นอนย่อมมีผลกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้