ทั้งนี้ โรงเรียนราชินีบนประกาศหยุดเรียนในวันที่ 7 ส.ค.เป็นเวลา 1 วัน และปรับเวลาเลิกเรียนจากเดิม 15.30 น. เป็น 14.20 น.ระหว่างวันที่ 6-9 ส.ค.รวมทั้งงดการเรียนพิเศษทุกประเภท เนื่องด้วยตามประกาศของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) กำหนดให้มีการปิดการจราจร 12 เส้นทางบริเวณโดยรอบพื้นที่อาคารทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภา
ขณะที่โรงเรียนสาธิตละอออุทิศก็ประกาศหยุดเรียนในวันพรุ่งนี้เช่นกัน
"ทางโรงเรียนสั่งให้หยุดเรียนพรุ่งนี้หนึ่งวัน" ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนสาธิตละอออุทิศ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ทั้งนี้ รัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร สำหรับพื้นที่เขตพระนคร เขตดุสิต และเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ช่วงวันที่ 1-10 ส.ค.นี้
ก่อนหน้านี้ผู้บริหารโรงเรียนราชวินิตฝ่ายประถมได้ประกาศปิดเรียนในวันที่ 6-7 ส.ค.นี้ ส่วนโรงเรียนอื่นๆ ได้มีประกาศแจ้งนักเรียนของตนเองเฝ้าติดตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิด และหากมีการปิดเรียนจะประกาศทางเว็ปไชต์และเฟซบุ๊คของทางโรงเรียนทันที
ด้านกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ(กปท.) ที่ปักหลักชุมนุมอยู่ที่สวนลุมพินี แกนนำฯ ประกาศเตรียมยกระดับการชุมนุมในวันพรุ่งนี้ เวลา 09.00 น.โดยคาดว่าจะมีมวลชนมาร่วมมานุมถึงหลักหมื่นคน แต่ยังไม่ยอมเปิดเผยว่าจะเคลื่อนผู้ชุมนุมไปที่บริเวณหน้ารัฐสภาหรือไม่
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ได้จัดเวทีอภิปราย"ผ่าความจริง"เพื่อคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่บริเวณใต้ทางด่วนแยกอุรุพงษ์ โดยจะเริ่มช่วงเย็นวันนี้ไปจนถึงพรุ่งนี้เช้า ก่อนเดินทางเข้าทำหน้าที่ฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
ด้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า กทม.ได้ประกาศปิดโรงเรียนในสังกัดกทม.ในพื้นที่เขตดุสิต จำนวน 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 7 - 9 ส.ค. รวม 9 แห่ง ประกอบด้วย โรงเรียนวัดธรรมาภิรตาราม โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร โรงเรียนวัดจันทรสโมสร โรงเรียนวัดเทวราชกุญชร โรงเรียนวัดสมณานัมบริหาร โรงเรียนวัดประชาระบือธรรม โรงเรียนวัดสวัสดิ์วารีสีมาราม โรงเรียนวัดราชผาติการาม และโรงเรียนสุโขทัย เพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียน
ขณะนี้ กทม.ได้เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์การชุมนุมในทุกด้าน และได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกรุงเทพมหานครติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมตลอด 24 ชม. โดยมีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร (กอ.รมน.กทม.) ซึ่งตั้งอยู่ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานครเป็นศูนย์หลักในการติดตามและประเมินสถานการณ์ รวมถึงการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้ทางสำนักการแพทย์ กทม.ได้ประชุมหน่วยงานในสังกัดและหน่วยงานที่เป็นเครือข่าย เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจและเตรียมความพร้อมทั้งด้านบุคลากรและเครื่องมือ พร้อมประสานงานกับจังหวัดปริมณฑลในการให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน หากเกิดกรณีฉุกเฉินขึ้น