ขณะที่ การข่าวพบว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนถืออุปกรณ์บางอย่างที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้ เช่น ไม้ปลายแหลม อุปกรณ์ของแข็ง เนื่องจากเชื่อว่ามีกลุ่มฮาร์ดคอร์บางส่วนต้องการยั่วยุให้เกิดการปะทะกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังติดตามอย่างใกล้ชิดว่ายังมีการซุกซ่อนอยู่หรือไม่ โดยจะมีการบันทึกภาพไว้ และขอเตือนว่าอย่าทำเพราะมีความผิดทางกฎหมาย หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบก็จะจับกุมมาดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
อย่างไรก็ตาม เช้าวันนี้มวลชนทั้งสองกลุ่มยังมีจำนวนไม่ถึงตามเป้าหมายของแกนนำ โดยการชุมนุมของกองทัพประชาชนที่สวนลุมพินีมีจำนวนคนมาเข้าร่วมประมาณ 300 คน ส่วนแยกอุรุพงษ์ที่เป็นมวลชนสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์มีผู้เข้าร่วมราว 200 คน ปัจจัยผันแปรของสถานกรณ์คือเมื่อมวลชนยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แกนนำอาจจะหาวิธีการอื่นที่จะเร่งระดมขึ้นมา ซึ่งอาจเป็นการปล่อยข่าวต่าง ๆ ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังปฏิบัติงานอยู่ ณ จุดที่ตั้ง เพื่อจุดประสงค์สำคัญคือให้รัฐบาล และ ส.ส.ทำงานได้
ด้านพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และพล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร. เดินทางมาตรวจกำลังพลที่บริเวณแยกราชวิถีที่จะมุ่งหน้ารัฐสภา โดยเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมดูความสงบเรียบร้อยซึ่งมีการนำกำลังพลตำรวจดูแลจุดต่างๆจำนวน 35 กองร้อย ส่วนบริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภาใช้กำลังเจ้าหน้าที่ 9 กองร้อย
ทั้งนี้ได้ประเมินจำนวนกลุ่มผู้ชุมนุมยังมีไม่มากนัก ขณะเดียวกันในส่วนการปิดการจราจรตามแยกต่างๆ ยอมรับว่าประชาชนยังไม่เข้าใจ จึงได้ประสาน บช.น.ให้แจ้งเตือนและประกาศให้ประชาชนรับทราบว่ามีการปิดเส้นทางใดบ้าง ซึ่งแยกราชวิถีถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ซึ่งตนเองได้กำชับเจ้าหน้าที่ป้องกันไม่ให้มวลชนบุกเข้ามา แต่หากเกิดการปะทะขึ้นจะต้องควบคุมสถานการณ์ให้ได้