โดยหลังจากกลับมาเริ่มการประชุมอีกครั้ง นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้ที่เสนอกฎหมายดังกล่าว ได้ลุกขึ้นชี้แจงที่มาของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยระหว่างนั้นฝ่ายค้านต่างสลับกันลุกขึ้นทักท้วง เพราะเห็นว่าร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าข่ายเป็นกฎหมายทางการเงิน ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะต้องลงนามรับรอง อีกทั้งก่อนหน้านี้ที่สภาฯ เคยพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมินั้น ประธานสภาฯ ก็ยังต้องส่งเรื่องให้ประธานคณะกรรมาธิการทั้ง 35 คณะของสภาผู้แทนราษฎรชี้ขาดว่า ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ เข้าข่ายเป็นกฎหมายการเงินหรือไม่ ดังนั้นฝ่ายค้านมองว่าในกรณีของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนี้ ประธานสภาฯ ก็ควรต้องดำเนินการเช่นเดียวกันคือส่งเรื่องให้ประธานคณะกรรมาธิการทั้ง 35 คณะได้ชี้ขาดก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการโต้เถียงอยู่พักใหญ่ ประธานสภาฯ ได้ชี้แจงว่า ในกรณีของร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ ที่ต้องส่งให้คณะกรรมาธิการฯ ชี้ขาดนั้น เพระไม่มั่นใจว่าจะเข้าข่ายเป็นกฎหมายทางการเงินหรือไม่ ซึ่งสุดท้ายแล้วคณะกรรมาธิการต่างสรุปว่าไม่เข้าข่ายเป็นกฎหมายการเงิน ดังนั้นในกรณีของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนี้ ซึ่งเห็นว่ามีเนื้อหาในแนวเดียวกัน ตนจึงเห็นไม่เข้าข่ายจะเป็นกฎหมายทางการเงิน ดังนั้นจึงวินิจฉัยว่าไม่จำเป็นต้องส่งให้คณะกรรมาธิการพิจารณา ซึ่งยืนยันว่าไม่ใช่การดำเนินการแบบสองมาตรฐาน
โดยหลังจากนั้น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอขอเลื่อนญัตติอื่นขึ้นมาพิจารณาแทนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เช่น ร่าง พ.ร.บ.ตรวจเงินแผ่นดิน, ร่าง พ.ร.บ.ความผิดทางแพ่งจากกรณีน้ำมันรั่ว ซึ่งนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานขณะนั้นระบุว่าไม่สามารถเลื่อนกฎหมายอื่นขึ้นมาแทนได้ ทำให้ล่าสุดที่ประชุมสภาฯ ยังไม่สามารถเข้าสู่การอภิปรายในเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมได้