ส่วนกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป.ประกาศจะไม่เข้าร่วมเวทีปฏิรูปการเมืองนั้น นายวราเทพ กล่าวว่า ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ รอเวลาให้สภาฯ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ให้จบก่อน หลังจากนั้นอาจมีท่าทีที่เปลี่ยนแปลงได้ โดยหลังจาก พ.ร.บ.ดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ แล้ว เวทีนี้ก็ทำคู่ขนานกันไป
"หลังจาก พ.ร.บ.นิโทษกรรม ที่พิจารณาอยู่ขณะนี้เป็นอย่างไรก็จะกลับมาดูกันอีกครั้ง โดยรูปแบบจะเป็นไปตามความประสงค์ของผู้ร่วมหารือ รัฐบาลจะไม่เข้าไปชี้นำหรือมีเงื่อนไขไม่ได้" นายวราเทพ กล่าว
นายวราเทพ กล่าวว่า คนที่เชิญมาร่วมก็มีจำนวนพอประมาณ ซึ่งอาจเริ่มต้นหารือกันไปก่อน หลังจากนั้นก็ค่อยเพิ่มเติมเข้ามาภายหลัง ส่วนฝ่ายที่เป็นคู่ขัดแย้งจะไม่มาเข้าร่วมแล้วทำให้เวทีนี้สมบูรณ์หรือไม่ นายวราเทพ กล่าวว่า การทำเรื่องนี้ไม่ได้คาดหวังว่าจะสมบูรณ์เลย เพราะครั้งแรกคือว่าเป็นการมารวมตัวและแสดงความคิดเห็นโดยอิสระ หากจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ให้เป็นไปโดยตามธรรมชาติ
"ผู้ที่เข้าร่วมมีจำนวน 50-100 คนนั้น เพราะเรานับจำนวนคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในแต่ละฝ่าย เช่น กลุ่ม พธม.อาจจะไม่มาเพียงคนเดียว เพราะหากน้อยกว่านี้ก็จะไม่ครบ ถ้ามากไปก็จะทำให้การประชุมเป็นเรื่องลำบาก ส่วนองค์กรอิสระก็อยู่ในแนวทางเช่นกัน แต่องค์กรอิสระอาจมีสถานะหรือจุดยืนที่จะเข้าร่วมไม่เหมือนคนอื่น เพราะองค์กรอิสระมีสถานะทางกฎหมาย ซึ่งต้องดูว่าจะเข้ามาในตอนต้นหรือเข้ามาเป็นส่วนประกอบหลังจากเรามีแนวทางแล้ว และไม่อยากให้คิดว่าการทำเรื่องนี้เป็นเรื่องปาหี่ เพราะถ้าทุกคนมองว่าทำอะไรแล้วมีเงื่อนไขที่หวังผลทางการเมือง หรือเป็นการทำไม่จริงจัง บ้านเมืองก็เดินไปไม่ได้
"ต้องเปิดโอกาส ซึ่งเราก็จะพยายามทุกวิถีทาง เหมือนที่นายกฯ บอกว่าจะสำเร็จหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น แต่จะต้องลองทำให้เห็นว่าเรามีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาร่วมกัน หาทางออกร่วมกัน" นายวราเทพ กล่าว
อย่างไรก็ตามยังเชื่อว่าเวทีนี้จะเกิดขึ้นได้แน่ เพียงแต่ว่าจะไปสู่ระดับไหนก็ต้องดูรูปร่างหน้าของคนที่จะมาร่วมก่อน และเวทีสภาปฏิรูปจะประสบความสำเร็จหรือไม่เพราะมีความเห็นที่แตกต่างนั้น นายวราเทพ กล่าวว่า ประเด็นนี้ก็รับฟัง ทุกอย่างต้องช่วยกันหาทางออก ตรงนี้คือหนึ่งในการหาทางออก ซึ่งตัวอย่างที่ชัดเจนที่สมาชิกผู้แทนราษฎรเองยังไม่ร่วมหาทางออกกันในสภา
"ส่วนใหญ่คนไทยเป็นอย่างนี้ ถ้าบ้านเมืองยังไม่เกิดวิกฤตจริง ถึงขนาดจวนตัว ทุกคนเอาทิฐิตัวเองเป็นที่ตั้ง ทำอะไรที่ตัวเองอยู่ฝ่ายตรงข้ามจะมองต่าง อยากให้ทุกฝ่ายละลงเรื่องทิฐิลงบ้าง ปล่อยวางมาคุยกันก่อน ขณะนี้ยังไม่พูดคุยกันเลย วันนี้พูดกันผ่านสื่อ เวทีใคร เวทีมัน ขอให้ลงมานั่งจับเข่าคุยกัน ทำได้หรือไม่ได้อย่างไรแล้วค่อยมาว่า น่าจะเริ่มต้นอย่างนี้มากกว่า" นายวราเทพ กล่าว
นายวราเทพ กล่าวว่า ปัจจัยที่จะทำให้คนมาร่วมมือได้ คือ ความจริง ความตั้งใจ พร้อมด้วยเจตนารมณ์ที่เราบอกกับสาธารณะชนไปแล้ว ว่ารัฐบาลอยากเห็นอนาคตของประเทศ และมีทางออกไม่ทิ้งปัญหาให้กับลูกหลาน หากทุกคนยึดหลักเป็นที่ตั้ง เรื่องนี้ไม่แท็คติคอะไร ไม่ต้องไปโน้มน้าว เพราะอยู่ในใจของคนไทยที่รักสงบ รักสันติ ถ้าลดในเรื่องการเป็นฝ่ายหนึ่ง ลดอาฆาตมาดร้าย การมาร่วมมือกันจะเกิดขึ้นได้
นายวราเทพ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ติดต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีนายกรัฐมนตรี และไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ติดต่อ ซึ่งการพูดคุยอาจจะมีเงื่อนไขในเรื่องของความพร้อม หรือข้อจำกัดด้วย ซึ่งกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ในการร่วมพูดคุยกันอยู่ แต่ก็คงไม่มีข้อจำกัดซะทีเดียว เพราะปัจจุบันสามารถติดต่ออย่างไรก็ได้