"นอกจากจะปฏิเสธไม่เข้าร่วมสภาปฏิรูปการเมืองแล้ว ก็ยังออกมาบิดเบือนแนวคิดนี้แบบ 180 องศา เพราะในขณะนี้บ้านเมืองเรามีความขัดแย้ง นายกจึงเสนอให้มีเวทีเพื่อให้คู่ขัดแย้งและผู้ที่มีส่วนได้เสีย และมีบารมีในบ้านเมืองมาพูดคุยเพื่อหาทางออก ซึ่งทุกคนมาร่วมด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่ได้พกเอาเงื่อนไขต่างๆ มาด้วย และไม่มีใครเขียนข้อสรุปเอาไว้ล่วงหน้า อยู่ที่เวทีสภาปฏิรูปฯ จะพูดคุยหารือกัน ซึ่งแนวคิดนี้ประชาชนส่วนใหญ่ก็สนับสนุน และมีผู้หลักผู้ใหญ่ เช่น อดีตนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคการเมือง นักวิชาการ มาเข้าร่วมมากขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ประเทศไทยจะได้ร่วมกันหาทางออกจากความขัดแย้งเสียที" นายนพดล กล่าว
ดังนั้น เรื่องนี้จึงไม่ใช่เกมรุกหรือการเตรียมแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 309 ตามที่นายอภิสิทธิ์กล่าวหา แต่เป็นเวทีหาทางออกให้ประเทศ
“พรรคประชาธิปัตย์และนายอภิสิทธิ์ มีสิทธิ์ที่จะร่วมหรือไม่ร่วม แม้ว่ารัฐบาลอยากจะให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วม แต่ประเทศนี้จะต้องเดินหน้าไม่ว่าจะมีนายอภิสิทธิ์หรือไม่ก็ตาม ความจริงสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์มีการพูดคุยกันว่าอยากจะให้พรรคเข้าร่วม แต่หัวหน้าพรรคทำเรื่องบ้านเมืองให้เป็นเรื่องการเมืองและต้องการบอยคอตเวทีสภาปฏิรูปเหมือนที่เคยบอยคอตการเลือกตั้งมาแล้ว จึงมีความเป็นห่วงว่าหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จะถูกโดดเดี่ยว" นายนพดล กล่าว