"เพื่อให้ประเทศไทยมีกฎหมายให้สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยแรงงานทางทะเล พ.ศ.2549 กำลังมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 สิงหาคม 2556 หากประเทศไทยไม่มีกฎหมายนี้จะไม่มีอำนาจในการใบรับรองด้านแรงงานทางทะเล ทำให้เจ้าของเรือไปจดทะเบียนสัญชาติอื่น" ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าว
สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ได้แก่ กำหนดเงื่อนไขการทำงานบนเรือ โดยห้ามเจ้าของเรือให้บุคคลอายุต่ำกว่า 16 ปีทำงานบนเรือ ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีทำงานในเวลากลางคืน และห้ามเจ้าของเรือให้คนประจำเรือที่ไม่มีใบรับรองแพทย์มาแสดงและไม่ผ่านการฝึกอบรมทำงานบนเรือ, กำหนดวิธีการจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานเป็นคนประจำเรือ โดยห้ามผู้ใดกระทำการเป็นผู้ให้บริการจัดหางาน เว้นแต่จะได้รับอนุญาต ผู้ให้บริการจัดหางานต้องวางหลักประกัน และห้ามผู้ให้บริการจัดหางานเรียกเก็บค่าบริการจัดหางานจากคนประจำเรือ, กำหนดให้เจ้าของเรือทำข้อตกลงการจ้างงานของคนประจำเรือเป็นหนังสือ ห้ามหักค่าจ้างและค่าล่วงเวลา คนประจำเรือมีสิทธิลาขึ้นฝั่ง กำหนดชั่วโมงการทำงานรวมแล้วไม่เกิน 14 ชั่วโมงในรอบ 24 ชั่วโมง และชั่วโมงพักผ่อนไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมงในรอบ 24 ชั่วโมง และให้เจ้าของเรือจัดวันหยุดประจำปีให้แก่คนประจำเรือไม่น้อยกว่าปีละ 30 วัน,
กำหนดให้คนประจำเรือมีสิทธิเดินทางกลับเมื่อสิ้นสุดตามข้อตกลงการจ้างงาน และให้เจ้าของเรือจัดทำหลักประกันทางการเงินเพื่อส่งตัวกลับ, กำหนดให้เจ้าของเรือจ่ายค่าทดแทนให้แก่คนประจำเรือในกรณีที่เรือเสียหายหรือเรือจม, กำหนดให้เจ้าของเรือจัดให้มีที่พักอาศัย สถานที่สันทนาการบนเรือ ให้เจ้าของเรือจัดเตรียมอาหารและน้ำดื่มที่มีคุณภาพ และให้คนประจำเรือที่ได้รับการจ้างงานเป็นพ่อครัวต้องผ่านการฝึกอบรม, กำหนดให้มีการคุ้มครองสุขภาพ การรักษาพยาบาล สวัสดิการ และการคุ้มครองด้านประกันสังคม กำหนดให้เจ้าของเรือต้องจัดให้มีห้องพยาบาลและอุปกรณ์พยาบาลบนเรือ ให้เจ้าของเรือเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเจ็บป่วยและบาดเจ็บของคนประจำเรือ และให้เจ้าของเรือจัดให้มีการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยบนเรือ เป็นต้น