ตามที่รัฐบาล โดย กบอ. สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้จัดทำแผนปฏิบัติการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ตามโครงการเพื่ออกแบบและก่อสร้างระบบการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัย โดยมีเป้าหมายไปเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนรวม 36 จังหวัดที่อาจได้รับผลกระทบจากโครงการฯ ตั้งแต่เดือน 2 ต.ค.-19 พ.ย.56 นี้นั้น สมาคมฯ ขอคัดค้านแผนปฏิบัติการดังกล่าว เนื่องจากเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.56 โดยชัดแจ้ง
ทั้งนี้ สมาคมฯ ระบุว่าศาลพิพากษาว่า“ให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสี่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่มาตรา 57 วรรคสอง และมาตรา 67 วรรคสอง ของ รธน. กำหนดให้ต้องปฏิบัติ ด้วยการนำ“แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ" ไปดำเนินการจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างทั่วถึง ตามเจตนารมณ์ของส่วนที่ 10 สิทธิในข้อมูลข่าวสารและการร้องเรียน และดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดให้มีการศึกษาและจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย ตามเจตนารมณ์ของส่วนที่ 12 สิทธิชุมชน ซึ่งอยู่ในหมวด 3 สิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยของ รธน. ทั้งนี้ ก่อนที่จะดำเนินการจ้างออกแบบและก่อสร้างในแต่ละแผนงาน (Module)"
เจตนารมณ์ของคำพิพากษาดังกล่าวกำหนดให้รัฐบาลต้องนำ“แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ" ไปดำเนินการจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างทั่วถึง เพื่อหาข้อสรุปสุดท้าย แล้วนำข้อสรุปไปกำหนดเป็นโมดูลต่าง ๆ แล้วจึงค่อยนำไปศึกษาหรือจัดทำรายงาน EHIA ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป มิใช่การนำเอา 10 โมดูลที่รัฐบาลตัดสินใจเปิดประมูลให้กลุ่มบริษัทร่วมค้าที่ประมูลโครงการฯได้แล้วไปเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นฯ ก็จะเป็นเพียงแค่เวทีปาหี่ แอบอ้าง หลอกลวงประชาชน หรือเป็นเพียงแค่เวทีโฆษณาชวนเชื่อหรือประชาสัมพันธ์โครงการฯหรือโมดูลต่าง ๆ ของรัฐบาลเท่านั้น ไม่ก่อเกิดสิทธิหรือนิติสัมพันธ์ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดตามคำพิพากษาของศาลปกครองแต่อย่างใด
นอกจากนั้นการกำหนดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชนเพียงแค่ 36 จังหวัดตามแผนนั้น ยังไม่ครบคลุมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเมื่อปี 2554 ที่มีมากกว่า 65 จังหวัดอีกด้วย จึงไม่สอดคล้องกับแผนแม่บทฯและคำพิพากษาที่กำหนดให้ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชน “อย่างทั่วถึง"
อีกทั้งรูปแบบและเนื้อหาของการจัดเวทีในแต่ละจังหวัดเพียงเวทีเดียว ครั้งเดียว และมุ่งจัดแต่เฉพาะในตัวเมืองและตัวจังหวัด ไม่กระจายเวทีหรือตอบโจทย์เนื้อหารายละเอียดของแผนงานฯ ซึ่งขัดต่อความต้องการของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ที่ทำมาหากินและมีบ้านเรือนในแต่ละพื้นที่ แต่ละหมู่บ้าน แต่ละตำบล แต่ละอำเภอ ที่จะมีปัญหาและอุปสรรคในการเดินทางไกลมาร่วมประชุมในตัวจังหวัดอีกด้วย ซึ่งเชื่อว่าเป็นกุศโลบายหรือเล่ห์ฉลของรัฐบาลที่ไม่ต้องการให้ภาคประชาชนที่เป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างแท้จริงมาเข้าร่วมเวทีดังกล่าว ดังนั้น พฤติการณ์ดังกล่าวขัดหรือแย้งต่อเจตนารมณ์ของ รธน.มาตรา 57 วรรคสอง โดยชัดแจ้ง