นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา และแกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. ได้ขอแปรญัตติตัดมาตรา 10 ออกทั้งมาตรา โดยให้เหตุผลว่าเนื้อหาตามมาตรา 10 ขัดกับหลักการและเหตุผลของร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับนี้เอง เพราะตามหลักการของร่างระบุว่า เป็นการสมควรกำหนดให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้ง เพื่อให้วิธีการได้มาซึ่ง ส.ว.มีลักษณะเช่นเดียวกับวิธีการได้มาซึ่ง ส.ส.โดยการได้รับเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน อันเป็นการส่งเสริมหลักประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ
นายสมชาย กล่าวว่า ดังนั้นการที่มาตรา 10 ยังคงให้ ส.ว.สรรหาปฏิบัติหน้าที่ต่อ แม้รัฐธรรมนูญจะบังคับใช้ให้มีการเลือกตั้ง ส.ว. 200 คนแล้วนั้น เท่ากับขัดต่อหลักการของร่างที่กำหนดให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งตามหลักการประชาธิปไตย ดังนั้นเรียนไปยังคณะกรรมาธิการว่า หากจะแก้ให้ ส.ว.ต้องมาจากการเลือกตั้งทั้งหมดแล้วต้องแก้ให้สุดซอย อย่าปล่อยให้ ส.ว.สรรหาที่เหลืออยู่ 73 คนกลายเป็นติ่งในวุฒิสภาต่อไป
"พวกผมยินดีออกจากวุฒิสภาหากแก้กฎหมายสำเร็จ แต่สมาชิกที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบในการกระทำ เพราะหลังมีการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญที่มา ส.ว.ฉบับนี้เสร็จสิ้น จะร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และคณะกรรมการป้องกันและราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ให้พิจารณาแน่นอน" นายสมชายกล่าว
หลังนายสมชายอภิปรายเสร็จสิ้น นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ได้เสนอญัตติขอปิดอภิปรายเพื่อลงมติเห็นชอบมาตรา 10 ส่งผลให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ลุกขึ้นประท้วงและโจมตีการควบคุมการประชุมของนายนิคม ซึ่งนายนิคมพยายามเรียกร้องให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยถอนญัตติ และในที่สุดนายวรชัย ยอมถอนญัตติเสนอปิดอภิปราย