ทั้งนี้ได้มีการแจกจ่ายเอกสารเพื่อชี้ให้เห็นความแตกต่างของร่าง พ.ร.บ.ไทยเข้มแข็ง ในสมัยรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชีวะ ที่ดำเนินการกู้เงิน กับพ.ร.บ.กู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ 2 ล้านล้านบาท
นายวิม ย้ำว่า พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ปฎิบัติตามขั้นตอนกฎหมายอย่างชัดเจน และได้นำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ตามระเบียบ ซึ่งสมาชิกสภาฯ สามารถตรวจสอบได้ อีกทั้งต้องดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ประเทศ และแผนงานที่หน่วยงานกำหนดไว้ในบัญชีท้าย พ.ร.บ.นี้
ส่วนที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านฉบับนี้ไม่มีรายละเอียดโครงการนั้น นายวิม ยืนยันว่าเป็นการขอกรอบวงเงินสูงสุดไว้ก่อนแต่ไม่ได้กู้ในคราวเดียว และจะไม่ส่งผลต่อหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น หลังจากนั้นจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมากำหนดกรอบและโครงการในการใช้งบประมาณ ซึ่งเป็นการดำเนินการโครงการในระยะเวลา 7 ปี จะมีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) และสำนักงบประมาณ ตรวจสอบโครงการที่เสนอของบประมาณก่อนที่จะส่งให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติดำเนินโครงการต่อไป
พร้อมยืนยันว่า เป็นการดำเนินการอย่างโปร่งใส เพื่อลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชนที่จะมาลงทุนให้ประเทศไทยได้อย่างเต็มที่
นายธีรัตถ์ ยังระบุว่า ในวันพรุ่งนี้(19 ก.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะเข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทอย่างแน่นอน แต่จะเป็นการไปรับฟัง ซึ่งไม่ได้ชี้แจงโดยตรง เพราะเป็นหน้าที่ของกรรมาธิการ ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ที่จะต้องชี้แจงโดยตรง