"ชัชชาติ"โพสต์ fb ดันพ.ร.บ. 2 ล้านลบ.สุดแรง ชูทิศทางพัฒนาปท.

ข่าวการเมือง Thursday September 19, 2013 10:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊คส่วนตัวกรณีสภาผู้แทนราษฎรประชุมนัดพิเศษเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้วในวาระที่ 2

ทั้งนี้ โครงการเหล่านี้ไม่ได้คิดขึ้นมาลอยๆ แต่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศที่กำหนดไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ฉบับที่ 11(พ.ศ.2555-2559) หัวข้อ 5.3.4 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ ในการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ การพัฒนาระบบขนส่งทางรถไฟ การปรับปรุงโครงข่ายคมนาคมขนส่งในเมือง และเป็นไปตามคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2554 ทั้งในส่วนของโครงการรถไฟทางคู่ โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการรถไฟฟ้าใน กทม.และปริมณฑล โครงการท่าเรือฝั่งทะเลอันดามันและฝั่งอ่าวไทย การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ

"การเสนอโครงการต่างๆ ใน พ.ร.บ.นี้ เป็นการปฏิบัติตามนโยบายโครงสร้างพื้นฐานที่ได้แถลงเป็นพันธสัญญากับรัฐสภาอย่างครบถ้วน" นายชัชชาติ กล่าว

สำหรับในส่วนของกระทรวงคมนาคมมีโครงการต่างๆ ในแต่ละยุทธศาสตร์ที่ได้ไว้ ดังนี้

1.รถไฟความเร็วสูง 783,553 ล้านบาท คิดเป็น 39.2%

2.รถไฟฟ้า 456,662 ล้านบาท คิดเป็น 22.8%

3.ถนนทางหลวง 241,080 ล้านบาท คิดเป็น 12.1%

4.ถนนทางหลวงชนบท 34,309 ล้านบาท คิดเป็น 1.7%

4.สถานีขนส่งสินค้า 14,093 ล้านบาท คิดเป็น 0.7%

5.ท่าเรือ 29,581 ล้านบาท คิดเป็น 1.5%

6.ด่านศุลกากร 12,545 ล้านบาท คิดเป็น 0.6%

6.ปรับปรุงระบบรถไฟ ได้แก่ เพิ่มเครื่องกั้น ซ่อมบำรุงรางที่เสียหาย 23,236 ล้านบาท คิดเป็น 1.2%

7.รถไฟทางคู่ และทางคู่เส้นทางใหม่ 383,891 ล้านบาท คิดเป็น 19.2%

8.ค่าสำรองเผื่อฉุกเฉิน ได้แก่ ความผันผวนราคาวัสดุ การติดตามและประเมินผล 21,050 ล้านบาท คิดเป็น 1.0%

"โครงการใน พ.ร.บ.สร้างอนาคตประเทศนี้ ไม่ได้มีแต่เรื่องรถไฟความเร็วสูง แต่มีทั้งรถไฟทางคู่ รถไฟฟ้าใน กทม. ถนนสี่เลน ด่านศุลกากร ศูนย์กระจายสินค้า มอเตอร์เวย์ บูรณะถนนสายหลัก ถนนเชื่อมประตูการค้า ท่าเรือ สะพานข้ามทางรถไฟ โดยกระจายอยู่ในทุกๆด้าน และอยู่ในทั่วทุกภูมิภาคตามความจำเป็นและยุทธศาสตร์ของประเทศ" นายชัชชาติ กล่าว

สำหรับสิ่งที่จะได้จากโครงการนี้ที่ทางรัฐบาลคาดหวังไว้คือ

1.ต้นทุนโลจิสติกส์ต่อ GDP ลดลงไม่น้อยกว่า 2% จากปัจจุบันอยู่ที่ 15.2%

2.สัดส่วนผู้เดินทางระหว่างจังหวัดโดยรถยนต์ส่วนบุคคลลดลงจาก 59% เหลือ 40%

3.ความเร็วเฉลี่ยของรถไฟขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นจาก 39 กม./ชม.เป็น 60 กม./ชม. และขบวนรถโดยสารเพิ่มขึ้นจาก 60 กม./ชม. เป็น 100 กม./ชม.

4.สัดส่วนการขนส่งสินค้าทางราง เพิ่มขึ้นจาก 2.5% เป็น 5%

5.สัดส่วนการขนส่งสินค้าทางน้ำ เพิ่มขึ้นจาก 12% เป็น 18%

6.ความสูญเสียจากน้ำมันเชื้อเพลิง ลดลงไม่น้อยกว่า 100,000 ล้านบาท/ปี

7.สัดส่วนการเดินทางโดยรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 30%

8.ปริมาณการขนส่งสินค้าผ่านเข้า-ออก ณ ด่านการค้าชายแดนที่สำคัญ เพิ่มขึ้น 5%

9.ปริมาณผู้โดยสารรถไฟ เพิ่มขึ้นจาก 45 ล้านคน/เที่ยว/ปี เป็น 75 ล้านคน/เที่ยว/ปี 10.ลดระยะเวลาการเดินทางจาก กทม. ไปยังเมืองภูมิภาค ด้วยรถไฟความเร็วสูงภายในรัศมี 300 กม. รอบกรุงเทพมหานคร ในระยะเวลาไม่เกิน 90 นาที จากเดิมที่ใช้ระยะเวลาเฉลี่ยประมาณ 3 ชั่วโมง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ