ซึ่งวันนี้เป็นการซักถามประเด็นตามที่ ส.ว.เสนอเป็นญัตติผ่านคณะกรรมาธิการซักถาม เช่น การแก้ไขสัญญาสัมปทานเพื่อลดสัดส่วนผู้ถือหุ้นทำให้รัฐหรือเอกชนเสียหายหรือไม่ มีการคำนึงถึงกฎหมายการค้าระหว่างประเทศที่องค์การการค้าโลก(ดับบลิวทีโอ) กำหนดหรือไม่ มีการส่งร่างแก้ไขสัญญาสัมปทานให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบก่อนหรือไม่
นพ.สุรพงษ์ ยืนยันว่า การแก้ไขสัญญาสัมปทานไม่ส่งผลเสียหายแก่ภาครัฐในทางตรงข้ามกระทรวงไอซีทีได้รับประโยชน์ จากเดิมได้รับส่วนแบ่งรายได้จากค่าเช่าดาวเทียมไอพีสตาร์ปีละ 300 ล้านบาท และล่าสุดได้ปีละ 700 ล้านบาท อีกทั้งการแก้ไขสัญญาดังกล่าวเป็นคนละส่วนกับกฎหมายขององค์การการค้าโลก ทั้งนี้ยอมรับว่า ไม่ได้เสนอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา เพราะก่อนหน้านี้ได้ทำหนังสือให้อัยการสูงสุดตรวจสอบและวินิจฉัยแล้ว ซึ่งได้รับการยืนยันว่า เป็นอำนาจของรัฐมนตรีที่สามารถดำเนินการได้ แต่เพื่อความเหมาะสมจึงเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา แต่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีขณะนั้น เห็นว่า ไม่ใช่เรื่องที่คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาและเพื่อลดวาระของคณะรัฐมนตรี จึงไม่ได้นำเข้าสู่การพิจารณาและส่งเรื่องกลับมาที่กระทรวงไอซีที
โดยขั้นตอนต่อไปจะเป็นการแถลงปิดคดี โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และนายไกรสร แจ้งว่า จะขอแถลงเป็นหนังสือ ขณะที่ นพ.สุรพงษ์ จะขอแถลงปิดคดีด้วยวาจา ซึ่งประธานวุฒิสภาได้นัดประชุมเพื่อฟังคำแถลงปิดคดีของ นพ.สุรพงษ์ ในวันที่ 24 กันยายนนี้