รัฐบาลแจงประกาศใช้พ.ร.บ.มั่นคงฯคุมม็อบ เพื่อป้องกันเหตุ-ยันไม่ปิดกั้นสิทธิ

ข่าวการเมือง Wednesday October 9, 2013 16:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันว่าไม่ได้ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของผู้ชุมนุม เพราะการประกาศ พ.ร.บ.มั่นคงครอบคลุมเพียงพื้นที่ 3 เขต รอบบริเวณทำเนียบรัฐบาล รัฐสภาและเขตพระราชฐานเท่านั้น แต่ผู้ชุมนุมยังสามารถทำกิจกรรมในพื้นที่อื่น ๆ ได้ แต่ต้องเคลื่อนไหวในกรอบของกฎหมาย และต้องเคารพสิทธิ์ของผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมด้วย

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประกาศ พ.ร.บ.มั่นคงแล้ว หากไม่มีสถานการณ์ใด ๆ ที่น่าเป็นห่วง รัฐบาลก็อาจยกเลิก พ.ร.บ.มั่นคง ก่อนวันที่ 18 ต.ค.ก็เป็นได้

ส่วนกรณีที่รัฐบาลประกาศใช้กฎหมายความมั่นคง ทั้ง ๆที่กลุ่มผู้ชุมนุมมีจำนวนไม่มากนัก เนื่องจากต้องป้องปรามไม่ให้เกิดการบุกรุกเข้ามาในสถานที่สำคัญของประเทศ โดยเฉพาะทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา และเขตพระราชฐาน ซึ่งรัฐบาลจะปล่อยให้เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศ

นอกจากนี้ การปิดถนนของผู้ชุมนุม ยังส่งผลกระทบต่อการเดินทางของประชาชนทั่วไป จึงขอให้ผู้ชุมโปรดเข้าใจเหตุผลของรัฐบาลด้วย และที่สำคัญ ในวันที่ 11 ต.ค.นี้ นาย หลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน จะเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

"หากรัฐบาลไม่สามารถรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ได้ อาจจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศไทยในสายตาประชาคมโลก ซึ่งจะส่งผลเสียหายต่อประเทศไทยเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ การปิดถนนของผู้ชุมนุมก็ทำให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนได้รับความเดือดร้อน ถือเป็นการใช้เสรีภาพในการชุมนุมทางการเมือง ที่กระทบสิทธิของผู้อื่น และไม่อยู่ในกรอบของกฎหมาย และระหว่างนี้ รัฐสภากำลังจะพิจารณากฎหมายสำคัญหลายฉบับ คาดว่าอาจมีการยกระดับการชุมนุมและอาจทำให้การปิดถนนต้องยืดเยื้อเป็นเวลานาน รัฐบาลจึงจำเป็นต้องรักษาความสงบเรียบร้อยโดยเร็วที่สุด"รองโฆษกรัฐบาลกล่าว

อย่างไรก็ตาม น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วและมีความห่วงใยในสถานการณ์ พร้อมกับมอบหมายให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ ร่วมหารือกับหน่วยงานด้านความมั่นคงต่าง ๆ เพื่อประเมินสถานการณ์ โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เคารพสิทธิของผู้ชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ และปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมให้ถูกต้องตามกฎหมายและตามหลักสากล โดยต้องดำเนินการอย่างละมุนละม่อม และใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ