โดยนายจุลสิงห์ ชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญให้ศาลกับอัยการเป็นหน่วยงานที่มีอิสระในการสั่งคดีและการปฏิบัติหน้าที่ โดยสุจริตเที่ยงธรรม และมีเหตุผลประกอบ ซึ่งจะได้รับการคุ้มครอง
"กระบวนการฟ้องหรือไม่ฟ้องนั้น มันสิ้นสุดที่อัยการสูงสุดในการพิจารณา เรื่องก่อการร้าย ถ้าผู้กระทำผิดไม่ได้อยู่ในประเทศไทย โอกาสยากมากที่จะบอกว่าเป็นตัวการร่วม ถ้าเขาจะทำอะไร ก็คนที่อยู่ในประเทศเป็นคนทำ กำลังวังชา ของคนที่พูดอยู่ต่างประเทศมันไม่มีโอกาสที่เป็นตัวการร่วมได้เลยในทางทฤษฎีและในความเห็นของอัยการด้วย ถึงแม้เป็นผู้สนับสนุนก็เถอะ"นายจุลสิงห์ กล่าว
พร้อมระบุว่า เรื่องนี้เป็นความผิดนอกราชอาณาจักร นอกเหนืออำนาจอัยการสูงสุดที่จะพิจารณา และเห็นว่าจะไม่ใช้กฎหมายไปประหัตประหารใคร เพราะบ้านเมืองบอบช้ำมานานแล้ว และยืนยันว่าการทำงานของตนมีมาตรฐาน หากมีความผิดจริงก็คงไม่ยอมปล่อยไป
นายจุลสิงห์ ยอมรับว่า เคยถูกกล่าวหาว่าอยู่ฝ่ายนี้ฝ่ายนั้นบ้าง ขึ้นอยู่กับว่าวันไหนสั่งคดีอย่างไร เพราะมีทั้งสองข้าง คงต้องบอกว่าอัยการอยู่ข้างความเป็นธรรม
"ทำทุกอย่างด้วยความนิ่งแล้ว อย่างผมสั่งบางคดีท่านไม่ชอบ ผมสั่งคดีฟิลลิป มอริส ท่านก็ไม่ชอบ มันมีฝ่ายไง มันมีพรรคไง ว่าใครเชียร์ฝ่ายไหนอย่างไร แต่ผมก็อธิบายได้ว่าทำไมฟ้องหรือไม่ฟ้อง แต่ถ้าทุกคนนักการเมืองทั้งหลาย เชื่อมือคนที่มาทำหน้าที่นี้ บ้านเมือจะอยู่ได้ แต่ผมก็ต้องแสดงให้เห็นถึงความเป็นกลาง" อดีตอัยการสูงสุดกล่าว
ทั้งนี้ กมธ.ได้สอบถามถึงนิยามคำว่า "ก่อความไม่สงบ" กับ "ก่อการร้าย" ซึ่งนายจุลสิงห์ ชี้แจงว่า ในประมวลกฎหมายอาญามีความผิดฐานก่อการร้ายอยู่ ตั้งแต่ ลัก วิ่ง ชิง ปล้น ไปจนถึงการข่มขู่รัฐบาล กับการใช้คำว่าก่อความไม่สงบ ถามว่าอัยการสูงสุดแยกอย่างไร ถ้าดูพฤติกรรมคล้ายๆ กัน แต่ส่วนตัวได้พูดในที่สาธารณว่าอุดมการณ์การเมืองภายในประเทศน่าจะเป็นเรื่องการก่อความไม่สงบ
"เพราะความเห็นไม่ตรงกับรัฐบาล พวกนี้แก้ได้ด้วยความเข้าใจ แต่ไม่ใช่เรื่องก่อการร้ายในลักษณะที่ไปเอาเงิน ไปเรียกค่าไถ่ แล้วข่มขู่รัฐบาลให้ปล่อยตัวคนนั้นคนนี้ เรียกเงินอย่างนั้นอย่างนี้ อันนี้คือก่อการร้าย ตรงนี้ก็เลยมีว่าเราสั่งไม่ฟ้องในฐานก่อการร้าย เพราะผมคิดว่าผู้ที่เกี่ยวข้องมีหน้าที่ต้องอธิบายทำความเข้าใจ เป็นเรื่องที่คุยกันได้ เพราะประชาชาธิปไตยเป็นเรื่องที่ตัดสินด้วยเสียงส่วนใหญ่อยู่แล้ว เสียงส่วนน้อยก็รอไป เมื่อเสียงส่วนใหญ่ไปไม่รอด เสียงส่วนน้อยก็ขึ้นมา เป็นเรื่องธรรมดา ผมถึงได้มีความเห็นที่ต้องออกกฎหมายการชุมนุม" นายจุลสิงห์ กล่าว