เมื่อถามว่า ประชาชนคิดว่าผลการตัดสินคดีปราสาทเขาพระวิหารในครั้งนี้จะออกมาเป็นอย่างไร 66.50%น่าจะเป็นผลดีกับทั้งสองฝ่าย เพราะ ก่อนที่ศาลโลกจะตัดสินคงจะชั่งน้ำหนัก ผลดี ผลเสียมาก่อนแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดกรณีพิพาทต่อกัน ฯลฯ 17.74% น่าจะเป็นผลดีกับฝ่ายไทย เพราะ เชื่อมั่นในการดำเนินการของรัฐบาลและทีมทนายความของไทย ข้อมูล เอกสารหลักฐานต่างๆ โดยเฉพาะแผนที่ประกอบการชี้แจงที่ไทยเคยส่งไปน่าจะมีน้ำหนักพอ ฯลฯ และ 15.76% น่าจะเป็นผลดีกับฝ่ายกัมพูชา เพราะ ทางกัมพูชาน่าจะหาทางออกหรือมีแผนรับมือไว้แล้ว และประเทศกัมพูชาเองเป็นผู้ยื่นขอตีความ คำตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ ฯลฯ
เมื่อถามถึง สิ่งที่ประชาชนวิตกกังวล 33.90% ความไม่ปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ เพราะอาจเกิดเหตุการณ์หรือการปะทะกันที่รุนแรง 29.66% กลัวว่าประเทศไทยจะเสียเปรียบ ไม่ได้รับความเป็นธรรมและเสียพื้นที่ให้กับกัมพูชา 20.34% ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะด้านธุรกิจ การค้าชายแดน การลงทุน และ 16.10% กลายเป็นประเด็นทางการเมือง โจมตีกันไปมา ประชาชนออกมาเคลื่อนไหว
เมื่อถามถึงความมั่นใจของประชาชน ต่อ ศาลโลก 49.51% ค่อนข้างมั่นใจ เพราะ การตัดสินของศาลโลกจะต้องผ่านการพิจารณา ตรวจสอบเอกสารหลักฐานอย่างละเอียด ฯลฯ, 24.76% ไม่ค่อยมั่นใจ เพราะกระแสข่าวจากสื่อต่างๆและการวิพากษ์วิจารณ์ของผู้รู้ทั้งหลายทำให้ไม่มั่นใจเท่าที่ควร ฯลฯ ,15.54% มั่นใจมาก เพราะ เชื่อมั่นในความยุติธรรม การทำหน้าที่ของศาลโลกจะต้องอยู่บนบรรทัดฐานของความถูกต้อง ฯลฯ และ 10.19% ไม่มั่นใจ เพราะ กลัวว่าประเทศไทยจะเสียเปรียบ ศาลโลกถูกแทรกแซง เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบกับหลายฝ่าย ฯลฯ
เมื่อถามว่า การที่ไทยมีกรณีพิพาทกับกัมพูชา ในครั้งนี้ ทำให้ประชาชนรักชาติไทยมากขึ้นหรือไม่ 80.30% รักชาติไทยมากขึ้น เพราะ รู้สึกสงสารและเห็นใจประเทศชาติ ไม่อยากเสียพื้นที่ของไทยให้กับกัมพูชา ฯลฯ และ 19.70% รักชาติไทยเท่าเดิม เพราะ ประเทศไทยคือบ้านเกิดเมืองนอน คนไทยทุกคนย่อมรักชาติรักแผ่นดินของตัวเอง ฯลฯ