แต่อย่างไรก็ดี ฝ่ายความมั่นคงก็ไม่ได้ประมาท และยังเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ รวมทั้งมีการประเมินสถานการณ์อยู่ตลอด แต่ก็เชื่อว่าจากการชี้แจงและทำความเข้าใจที่ผ่านมาไม่น่าจะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นเหมือนในอดีตที่จะมีการบุกยึดทำเนียบฯ หรือปิดสนามบิน โดยเฉพาะกรณีของ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ นั้นขณะนี้ยังเป็นเพียงขั้นตอนของกรรมาธิการยังไม่ได้มีข้อสรุปว่ากฎหมายดังกล่าวจะผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ หรือไม่
ส่วนที่มีการแสดงความกังวลกันว่าอาจจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมแฝงตัวเข้ามากับกลุ่มประชาชนที่เดินทางเข้ามาสักการะพระบรมรูป ร.5 ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เนื่องในวันปิยะมหาราชพรุ่งนี้(23 ต.ค.)และอาจจะถือโอกาสยึดลานพระบรมรูปทรงม้าเป็นพื้นที่ชุมนุมนั้น พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ในทางการข่าวได้มีการเฝ้าจับตาและเตรียมความพร้อมไว้อยู่แล้ว
นอกจากนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเฝ้าระวังเหตุการณ์ที่ใกล้จะถึงวันครบรอบเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อ 25 ต.ค.47 ที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เพราะมีสัญญาณการก่อเหตุรุนแรง รวมทั้งส่งสัญญาณผ่านผู้อำนวยความสะดวกไปยังกลุ่มบีอาร์เอ็นว่าควบคุมดูแลไม่ให้มีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้น ส่วนการนัดพูดคุยเพื่อสันติภาพครั้งต่อไปนั้น ยังอยู่ระหว่างประสานเพื่อขอให้เลยช่วงวันครบรอบเหตุการณ์ตากใบไปก่อน
ส่วนกรณีปราสาทพระวิหารที่ศาลโลกตัดสินคดีในวันที่ 11 พ.ย.56 นั้น เลขาธิการ สมช. เชื่อว่า สถานการณ์ไม่น่ารุนแรง เนื่องจากในระดับผู้นำมีการประสานกันให้เข้าใจว่าในแง่ของคดีก็ต้องให้เป็นการตัดสินของศาลโลก แต่ในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่งประเทศเพื่อนบ้านจะต้องนำมาซึ่งสันติสุข ดังนั้นจึงเชื่อว่าจะไม่เกิดเหตุรุนแรง ขณะเดียวกันได้มีการทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ว่าในเรื่องของคดีและการอยู่ร่วมกันนั้นต้องแยกเป็นคนและส่วน