ด้านนายประยุทธ์ ได้ชี้แจงว่า คดีที่เกี่ยวเนื่องจากการเมืองย่อมได้รับผล แต่หากเป็นคดีส่วนตัว แม้จะเป็นคดีลหุโทษ จะไม่ได้รับอนิสงค์
นอกจากนี้ กรรมาธิการเสียงข้างน้อยจากพรรคประชาธิปัตย์ยังเรียกร้องให้พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ที่ปรึกษา กมธ. ในฐานะอดีตหัวหน้าคณะรัฐประหารที่ลงนามแต่งตั้งองค์กรเหล่านี้ ชี้แจงว่าหมายรวมองค์กรใดบ้าง และนายวรชัย เหมะ ผู้เสนอร่างกฎหมาย เหตุใดจึงยกมือสนับสนุนร่างของนายประยุทธ์ในชั้นการแปรญัตติ โดยตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการเสนอร่างกฎหมายที่มีวาระแอบแฝงหรือไม่
ทั้งนี้ นายวรชัย ปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องยกมือสนับสนุนร่างของนายประยุทธ์ ยืนยันการเสนอร่างกฎหมายของตนเองเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชน ไม่มีวาระแอบแฝง
"ยืนยันในมาตรา 3 ไม่ได้โหวตตามกรรมาธิการเสียงข้างมาก พร้อมยืนยัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้เอกสิทธิทุกคนในการโหวตและไม่ได้สั่งการในการลงมติ ทั้งนี้มีหลายฝ่ายที่เห็นต่าง แต่เป็นเพียงความคิด ซึ่งขั้นตอนสุดท้ายต้องเข้าสู่กระบวนการสภาเป็นผู้พิจารณา"นายวรชัย กล่าว
ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน ในฐานะผู้เสนอคำแปรญัตติร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม แสดงความเป็นห่วงมาตรา 3 ที่คณะกรรมาธิการฯเสียงข้างมากแก้ไขตามคำแปรญัตติของนายประยุทธ์ ศิริพานิช รองประธานคณะกรรมาธิการฯที่นิรโทษกรรมให้กับทุกฝ่ายทั้งคดีทุจริต อาญา และครอบคลุมตั้งแต่ปี 2547 ถึง 8 ส.ค. 2556 ซึ่งจะทำให้คดีที่ก.ก.ต. ฟ้องคดียุบพรรคและป.ป.ช.ฟ้องคดีทุจริต รวมทั้งคดีที่เกิดจากดำเนินการขององค์กรที่เกิดขึ้นภายหลังเหตุการณรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ยุติหมด ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จะเดินหน้าต่อสู้ตามกระบวนการ ทั้งการแปรญัตติในชั้นกรรมาธิการและการอภิปรายในสภา
นอกจากนี้ยังยืนยันว่าร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นกฎหมายเกี่ยวกับการเงินตามรัฐธรรมนูญมาตรา 143 เพราะผูกพันกับทรัพย์สินของรัฐ