ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าไม่ว่าผลการตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจะออกมาเช่นไรจะไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ระหว่างกัน เพราะไทยและกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่จะต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป การดำเนินการใด ๆ จะต้องมีการพูดคุยเจรจาหารือกัน และยึดมั่นในเจตนารมณ์ที่จะรักษาความสงบตามแนวชายแดนและภายในของประเทศทั้งสอง และจะไม่ให้มีสิ่งใดมากระทบความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน
และเพื่อรักษาบรรยากาศความเป็นมิตรระหว่างกัน ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกำหนดมาตรการที่จะยึดถือปฏิบัติร่วมกัน ทั้งสำหรับช่วงก่อนและภายหลังการอ่านคำตัดสินของศาลฯ โดยทั้งสองประเทศเห็นพ้องกันว่า จะต้องมีมาตรการที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขตามแนวชายแดน โดยทั้งในระดับรัฐบาลและระดับทหารในพื้นที่จะร่วมกันรักษาความสงบบริเวณชายแดนและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ใด ๆ และจะดูแลให้มีการติดต่อไปมาหาสู่กันตามปกติ ทั้งในส่วนของประชาชนและการขนส่งสินค้าระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะนำเสนอข้อมูลข่าวสารอย่างเหมาะสมและด้วยความระมัดระวัง ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายจะเคารพในสิทธิและการแสดงออกของกันและกัน
ทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ และกระบวนการทางกฎหมายภายในของแต่ละประเทศ และสนับสนุนให้มีการพบปะหารือเกี่ยวกับสาระสำคัญของคำตัดสินและการดำเนินการที่เกี่ยวข้องต่อไปตามลำดับ ซึ่งในชั้นนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะให้ใช้กลไกที่มีอยู่แล้ว เช่น การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (JC) ไทย-กัมพูชา หรือกลไกอื่น ๆ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า การนำเสนอข้อมูลข่าวสารจากภาครัฐเป็นสิ่งสำคัญ และเพื่อมิให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะให้กระทรวงการต่างประเทศของแต่ละฝ่ายเป็นหน่วยงานหลักในการประสานข้อมูลและการให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชน เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนในเรื่องของข้อมูลข่าวสาร
"การหารือในครั้งนี้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของท่านนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์และนายกรัฐมนตรีสมเด็จฯ ฮุน เซน ที่จะรักษาความสัมพันธ์อันดี ความร่วมมือที่กำลังเป็นไปด้วยดีระหว่างกัน ตลอดจนความสงบสุขบริเวณชายแดนของประเทศทั้งสอง ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ผู้นำทั้งสองต่างยึดมั่นในแนวทางสันติมาโดยตลอด" นายสุรพงษ์ กล่าว