"คำถามแรก ผมจะลาออกจากตำแหน่งบริหารของพรรคตามข่าวจริงหรือ คำตอบคือจริงครับ ถามว่าผมยังเป็นประชาธิปัตย์และเป็นส.ส.อยู่หรือเปล่า คำตอบคือเป็นครับ เพราะผมต้องการสู้ทุกเวที ถามว่านี่เป็นการไม่เคารพระบบสภาฯ หรือเปล่า ตอบว่าเคารพครับ จึงต้องต่อต้านผู้ที่ย่ำยีสภาฯด้วยการอ้างเสียงข้างมากในการใช้สภาฯ เป็นเครื่องมือฟอกตัวเอง ถ้าถามว่าให้ร่วมอย่างไร ในชั้นแรก ไปเจอกันที่จุดนัดพบที่สามเสนได้ครับ หกโมงเย็น พฤหัสนี้"
พร้อมกันนี้ นายกรณ์ ยังได้แถลงความในใจ "หนึ่งในการถูกลงโทษ เพราะเราปฏิเสธการมีส่วนร่วมทางการเมือง คือการถูกปกครองโดยคนชั้นเลว" โดยระบุว่า "เมื่อเก้าปีก่อน ตอนที่ผมลาออกจากบริษัทที่ผมตั้งขึ้นมาเองเพื่อไปลงสมัครเลือกตั้งเป็นผู้แทน ผมไม่ได้คิดเลยว่าจะต้องมาร่วมต่อสู้ทางการเมืองแบบนี้
ผมได้เข้ามาทำงานการเมืองด้วยความตั้งใจใว้ว่าจะใช้ความรู้และประสบการณ์จากการทำงาน ๒๐ ปีในภาคเอกชนในการพัฒนาบ่านเมือง ผมภูมิใจที่ประชาชนและพรรคได้ให้โอกาสผมทำตามความตั้งใจมาโดยตลอด เพียงแต่ผมไม่เคยคิดว่าจะต้องมาอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งอย่างในสถานการณ์ปัจจุบัน
วันก่อนมีคนถามผมว่า 'ไม่ทะเลาะกันได้ไหม' ผมตอบว่าคุณรู้หรือไม่ว่าส่วนใหญ่ ฝ่ายค้านเราลงคะแนนสนับสนุนเรื่องที่รัฐบาลนำเสนอในสภาฯ พูดง่ายๆ เราไม่ได้ทะเลาะทุกเรื่อง อะไรที่ตกลงกันได้และเป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชนเราก็ยินดีสนับสนุน
แต่บางเรื่องเราจำเป็นต้องคัดค้าน และมีบางเรื่องที่เรามีหน้าที่ ในฐานะนักการเมือง ที่ต้องใช้สิทธิอันควรในระบอบประชาธิปไตยที่จะต่อต้าน
สำหรับผมเรื่องนั้นคือการออกกฎหมายนิรโทษกรรมที่จะ 'ล้างผิด' ให้กับผู้มีอำนาจที่ถูกจับได้ว่าโกงบ้านโกงเมือง ในฐานะนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยผมเห็นว่าเรามีหน้าที่ที่ต้องคัดค้านการใช้อำนาจในการทำลายระบบนิติรัฐที่ถือว่าเป็นเสาหลักสำคัญของสังคม
ดังนั้นเมื่อเขาไม่ฟังเสียงเราเลยในสภาฯ เราก็ต้องออกมาใช้สิทธิเคลื่อนไหวเพื่อสื่อสารโดยตรงกับประชาชนนอกสภาฯ เพียงแต่เราต้องไม่ใช้ความรุนแรง และต้องอาศัยพลังของประชาชนในการกดดันให้รัฐบาลทบทวนความคิด
ส่วนที่กังวลว่าเราจะเคลื่อนไหวเพื่อโค่นรัฐบาลหรือไม่ ผมยืนยันว่าส่วนตัวไม่มีเจตนานั้น ผมเพียงต้องการคัดค้านกฎหมายนี้ และไม่ประสงค์จะเข้ามาเป็นรัฐบาลนอกจากในกรณีที่เรามีเสียงข้างมากจากการเลือกตั้งที่สนับสนุนเรา
ส่วนท่านที่คบกันมากับผมในฐานะเพื่อนทาง face book ก็คงต้องไตร่ตรองว่าท่านจะมีส่วนร่วมกับผมในเรื่องนี้หรือไม่ ถ้าพวกเราส่วนใหญ่ไม่ให้ความสำคัญ พวกผมก็สู้ไม่ได้ ต้องตัดสินใจกันเองครับ ต้องตัดสินใจว่าเราจะยอมเป็นประเทศที่พรรครัฐบาลสามารถออกกฎหมายล้างผิดให้พรรคพวกตนเองที่ทุจริตต่อบ้านเมืองหรือไม่
ส่วนถ้าใครมีคำถามต่อจุดยืนของผม หรือถามถึงแนวทางการมีส่วนร่วมในการต่อต้านกฎหมายนี้ ขอให้เขียนเข้ามาถามได้ และคอยติดตามคำชี้แจงของผมครับ