ด้านนางคำจันทร์ แสงคำ มารดาของนายวุฒิชัย วราห์คำ ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์เดือน พ.ค.53 กล่าวว่า ตอนแรกทำใจไม่ได้ต่อการจากไปของลูกชาย ซึ่งไม่เคยลืมการสูญเสียที่เกิดขึ้น ถึงแม้จะเจ็บแค้นแต่เมื่อพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ผ่านการพิจารณาแล้วก็สามารถที่จะทนได้ ทำใจได้ เพื่อให้บ้านเมืองอยู่ได้อย่างสงบ ทั้งนี้รู้สึกเสียใจมากที่คนผิดไม่ได้รับโทษ แต่ก็ยอมเสียสละได้แม้จะมีความเจ็บปวดอยู่ในใจ เพื่อให้บ้านเมืองสงบยุติความรุนแรง
ขณะที่นายกรัฐมนตรี กล่าวทั้งน้ำตา ขอบคุณกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตที่มาให้กำลังใจและยอมเสียสละเพื่อบ้านเมือง มีความรู้สึกให้อภัย และห่วงใยกัน ซึ่งในฐานะรัฐบาลก็จะพยายามยืนบนหลักของความถูกต้อง และต้องการให้ประเทศเดินไปข้างหน้า อยากเห็นประเทศมีความปรองดองให้อภัยกัน ไม่อยากเห็นบทเรียนที่ผ่านมาที่เกิดขึ้น เพราะเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมีการสูญเสีย และขัดแย้งหลายปีแล้ว ทำให้บ้านเมืองไม่เดินหน้า ทั้งนี้ขอโอกาสเป็นกำลังใจ ซึ่งต้องร่วมกันส่งกำลังใจ ยึดหลักเมตตาเห็นอกเห็นใจ ให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้จับมือและสวมกอด พื่อเป็นกำลังใจให้กับกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.53 และให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนถึงกรณีที่หลายฝ่ายที่ออกมาคัดค้านการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่า อยากให้ทุกคนยึดหลักการเห็นอกเห็นใจ ให้อภัย และใช้หลักเมตตาธรรม ซึ่งเข้าใจว่าทุกฝ่ายมีความเป็นห่วงในสถานการณ์บ้านเมืองที่บอบช้ำมาเป็นเวลานาน
ส่วนพ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะสามารถสร้างความปรองดองได้หรือไม่นั้น มองว่าต้องช่วยกัน สิ่งแรกคือให้อภัยซึ่งกันและกันก่อน ทุกอย่างก็จะเดินหน้าไปได้ แต่หากไม่ทำอะไรก็กังวลว่าอาจจะกลับมาสู่วงจรของความขัดแย้งอีก แต่รัฐบาลก็ต้องดูแลการชุมนุมให้มีความสงบเรียบร้อย โดยกำชับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในการดูแลความปลอดภัยทำหน้าที่บนหลักความอดทน ยึดหลักกฎหมาย ไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งจนนำไปสู่ความรุนแรง