กกร.ติงกม.นิรโทษฯสะเทือนความน่าเชื่อถือประเทศ ห่วงขัดแย้งบานปลายซ้ำเติมศก.

ข่าวการเมือง Monday November 4, 2013 17:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันกำลังนำไปสู่การเผชิญหน้าในสังคมอย่างกว้างขวาง และจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่ง กกร. มีความกังวลต่อสถานการณ์นี้ จึงขอให้ทุกฝ่ายดำเนินการเพื่อให้เกิดทางออก ซึ่งจะนำไปสู่การคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็วที่สุด เพื่อธำรงไว้ซึ่งความสงบและเชื่อมั่นในศักยภาพและความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของประเทศ
"เรากังวลว่าจากสถานการณ์เกิดขึ้น จะทำให้การค้าขายทั้งในและต่างประเทศลดลง ซึ่งเรามีความต้องการให้เรื่องนี้จบโดยเร็ว"นายอิสระ กล่าว

นายอิสระ กล่าวว่า หอการค้าไทยและสภาหอการค้าไทย หอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ สมาคมการค้าและหอการต่างประเทศ มีความคิดเห็นว่า ผลของกฎหมายดังกล่าวเป็นการล้างผิดที่ไม่เป็นไปตามหลักสากล และจะส่งผลกระทบให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ โดยหากร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับนี้มีผลบังคับใช้ จะส่งผลต่อการจัดอันดับความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ซึ่งจะกระทบต่อภาพลักษณ์ในการส่งเสริมการลงทุนของประเทศ

รวมทั้งพ.ร.บ.นิรโทษกรรมดังกล่าว มีเนื้อหาสุ่มเสี่ยงขัดแย้งกับอนุสัญญาขององค์การสหประชาชาติเพื่อการต่อต้านทุจริตที่รัฐบาลได้ให้สัตยาบันในการเข้าเป็นภาคี ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการขาดการยอมรับและความน่าเชื่อถือจากนานาอารยะประเทศ

นอกจากนี้ จะทำให้ประเทศขาดความเชื่อมั่น ทำให้การลงทุนและธุรกิจจะขับเคลื่อนได้ยาก มีการเคลื่อนย้ายการลงทุนไปประเทศอื่น ส่งผลกระทบในระยะยาว เป็นการซ้ำเติมในประเทศขณะที่เศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้สูญเสียศักยภาพในการแข่งขัน รวมถึงกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวที่เป็นแรงขับเคลื่อนหลักทางเศรษฐกิจ

อีกทั้งการลบล้างความผิดตามมาตรา 3 ทั้งหมด จะทำให้ผลของคดีทุจริตคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ปี 47 จนถึง 8 ส.ค. 56 ทั้งที่มีการตัดสินคดีแล้วและอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี จะได้รับการนิรโทษกรรมทั้งหมด ซึ่งเป็นการล่วงละเมิดระบบกระบวนการยุติรรมของประเทศ และไม่เป็นธรรมกับคดีทุจริตอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในกรอบพ.ร.บ.ฉบับนี้

และส่งผลให้เกิดความแตกแยกขัดแย้ง และการเผชิญหน้าในทางสังคมมากขึ้น รวมทั้งทำให้เกิดการทำลายระบบคุณธรรมของสังคมไทยอย่างร้ายแรง จึงควรให้คดีทุจริตคอร์รัปชั่นดำเนินไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม

"หอการค้า สภาหอการค้าและเครือข่าย มีความห่วงใยในสถานการณ์ที่จะไปนำไส่ความขัดแย้งที่รุนแรง อันจะส่งผลกระทบและซ้ำเติมสังคมและเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมที่กำลังประสบปัญหาอยู่ ณ เวลานี้ จึงขอให้ฝ่ายนิติบัญญัติ รัฐบาลและฝ่ายการเมืองที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว โดยพิจารณาหาทางออกอย่างรอบคอบและใช้ผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศเป็นที่ตั้ง"

ด้านนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงกรณีการชุมนุมคัดค้านการออกพรบ.นิรโทษกรรมว่า ไม่ต้องการให้การชุมนุมมีความรุนแรง หรือมีการปิดถนน จนไม่สามารถขนส่งสินค้าได้ เพราะอาจจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ที่จะสั่งซื้อสินค้า เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับสินค้าตามที่สั่งได้

ทั้งนี้ ยอมรับว่าภาคเอกชนก็เริ่มมีความกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเห็นได้จากดัชนีภาคอุตสาหกรรมที่ลดต่ำลงตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา

ส่วนเรื่องการที่จะถอนร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม หรือไม่นั้น จุดยืนของภาคเอกชน คือ การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นในทุกกรณี แต่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมือง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ