ทั้งนี้ รู้สึกคลางแคลงใจที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ออกมาประกาศว่าจะต่อสู้จนกว่าจะได้รับชัยชนะ
"อยากถามว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่นายสุเทพกล่าวเป็นความต้องการของประชาชนหรือของพรรคประชาธิปัตย์กันแน่ เพราะหากเป็นความต้องการของประชาธิปัตย์ ควรจะรอให้มีการเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่ควรจะเอามวลชนมาบีบเพื่อขับไล่รัฐบาล เมื่อรัฐบาลหยุด ประชาธิปัตย์หยุดได้มั้ย ที่คุณสุเทพบอกว่าจะต่อสู้จนกว่าได้ชัยชนะ ยังคลางแคลงใจว่า เป็นความต้องการของประชาชนหรือของพรรคประชาธิปัตย์ ทำไมไม่รอเลือกตั้ง ท่านรอไม่ได้หรือยังงัย การเอามวลชนมาบีบคงไม่ใช่"พล.ต.อ.ประชา กล่าว
ส่วนการเคลื่อนของม็อบกลุ่มต่างๆ ฝ่ายความมั่นคงจะประเมินสถานการณ์ แต่จะไม่ยอมให้เข้ามายึดทำเนียบอย่างแน่นอน พร้อมยืนยันว่าจะรักษาความสงบให้ถึงที่สุด ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านมองว่าแม้จะคว่ำกฏหมายแต่ยังคงค้างในสภานั้น สมาชิกรัฐสภาทุกคนมีเกียรติมีศักดิ์ศรีพอที จะปฏิบัติตามมติเสียงส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตาม แม้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะออกมายืนยันให้เดินหน้าร่างนิรโทษกรรมนี้ต่อไปเพราะอยากกลับบ้านนั้น พล.ต.อ.ประชา เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีวุฒิภาวะพอว่าจะกลับประเทศไทยได้หรือไม่ตัวเองน่าจะรู้ดีที่สุด
"ท่านมีวุฒิภาวะที่ทราบดีว่าควรมาได้หรือมาไม่ได้ ท่านคงทราบดี"พล.ต.อ.ประชา กล่าว
ด้าน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เชื่อว่าหลังจากรัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติแสดงท่าทีชัดเจนว่าการคว่ำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษฯจะทำให้ผู้ชุมนุมลดจำนวนลง โดยเฉพาะกลุ่มคนชั้นกลางที่เคยออกมาคัดค้าน และเมื่อรับทราบท่าทีของรัฐบาลแล้วก็จะไม่ออกมาเคลื่อนไหวอีก
พร้อมกันนี้ เห็นว่าหลังจากนี้รัฐบาลควรเร่งทำความเข้าใจกับประชาชน เพราะการชุมนุมที่มีการเมืองหนุนหลังพยายามเบี่ยงเบนประเด็น แต่ยอมรับว่าการชุมของพรรคประชาธิปัตย์อาจมีการยืดเยื้อ เพราะต้องรอการตัดสินของศาลโลกในคดีปราสาทพระวิหารในวันที่ 11 พ.ย.นี้และรอการพิจารณาร่างพรบ.นิรโทษในขั้นตอนของวุฒิสภา
ส่วนการเฝ้าระวังการสร้างสถานการณ์จากกลุ่มมือที่ 3 นั้น ฝ่ายความมั่นคงได้เฝ้าระวังอย่างเต็มที่ และเชื่อว่าการชุมนุมที่มีการเมืองหนุนหลังก็คงจะไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายขึ้นอย่างแน่นอน