กล่าวคือการที่นายสุเทพ เสนอแนวทางทำให้กฎหมายตาย โดยให้วุฒิสภาลงมติว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นกฎหมายการเงิน แล้วส่งเรื่องกลับไปยังสภาผู้แทนราษฎร และให้ที่ประชุมร่วม ส.ส.กับคณะกรรมาธิการลงมติว่าเป็นกฎหมายการเงิน จากนั้นเสนอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงนามรับรอง ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่รับรองกฎหมายก็ตายทันที
"ข้อเสนอเช่นนี้ จึงเป็นการที่นายสุเทพ กำลังข่มขืนรัฐธรรมนูญ และร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยไม่ถูกต้อง ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย และเป็นข้อเสนอที่จะให้วุฒิสภา และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กระทำผิดรัฐธรรมนูญ" นายพิชิต กล่าว
พร้อมอธิบายว่า ในชั้นเสนอร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เข้าสู่สภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ มิได้รับรอง ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นร่าง พ.ร.บ.ที่เกี่ยวด้วยการเงิน และข้อเท็จจริงจากร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่ต้องด้วยลักษณะที่เป็นร่างพระราชบัญญัติในอันที่จะจัดสรรหรือจ่ายเงินแผ่นดิน หรือการโอนงบประมาณรายจ่ายของแผ่นดิน หรือการดำเนินการที่ผูกพันกับทรัพย์สินของรัฐ อันจะเป็นจะเป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงิน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 143 เมื่อไม่เป็นร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวด้วยการเงิน ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญดังกล่าว นายสุเทพ จะข่มขืนให้ร่าง พ.ร.บ.นี้ ให้เป็นร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวด้วยการเงิน เพื่อให้ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ และขัดแย้งต่อข้อเท็จจริงที่ไม่มีอยู่จริงตามร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ได้อย่างไร
ดังนั้นจึงเป็นข้อเสนอที่จะให้วุฒิสมาชิกร่วมปิดบังอำพราง ฉ้อฉลข้อเท็จจริงที่ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไม่เป็นร่างการเงิน แต่กระทำให้เป็นร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวด้วยการเงิน เหมือนกับที่กำลังฉ้อฉลต่อประชาชน โดยชักชวนให้มาคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่สุดท้ายก็ปรากฏความจริงแล้วว่า เจตนาที่แท้จริงของพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ คือ การล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มิใช่ เจตนาที่แท้จริงในการคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
นายพิชิต กล่าวต่อว่า นายสุเทพ ขอแปรญัตติแก้ไขเพิ่มเติมความในมาตรา 3 เป็นดังนี้ "มาตรา 3 ให้บรรดาการกระทำใดๆของบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง หรือการแสดงออกทางการเมือง เพื่อเรียกร้องหรือให้มีการต่อต้านรัฐ โดยการชุมนุม การประท้วง หรือแสดงออกด้วยวิธีการใดๆ อันเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง หรือการแสดงออกทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2549 ถึงวันที่ 1 มกราคม 2556 ไม่เป็นความผิดต่อไป และให้ผู้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด และความรับผิดโดยสิ้นเชิง"
จากคำแปรญัตติของ นายสุเทพ เมื่อพิจารณาแล้วเห็นได้ว่าถ้อยคำแปรญัตติของนายสุเทพ เป็นคำตอบอยู่ในตัวเองว่า ขอบข่ายของข้อเสนอในการนิรโทษกรรมของ นายสุเทพ ที่ต้องการให้วุฒิสภาพิจารณามีขอบเขตในการนิรโทษกรรมอย่างไร ซึ่งก็จะเป็นคำตอบที่จะบอกกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่บุกยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง รวมทั้งที่บุกยึดกรมประชาสัมพันธ์จะไม่ได้รับนิรโทษกรรมจากคำแปรญัตติของนายสุเทพ
ทั้งนี้มองว่า กลุ่มพันธมิตรฯ รวมถึงประชาชนจะได้ตาสว่างจากการแปรญัตติของนายสุเทพ และการที่นายสุเทพ นำเงื่อนไขของการต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มาเป็นประโยชน์ทางการเมืองเพื่อที่จะล้มรัฐบาลเท่านั้น นี่คือธาตุแท้ของนายสุเทพ ที่อ้างต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพื่อประโยชน์ตัวเอง